หุ้น KSL บวกขึ้นมา 2.80% อยู่ที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 27.12 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.56 น.โดยเปิดตลาดที่ 11.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 11.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.90 บาท
นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)คาดว่า ราคาขายน้ำตาลในตลาดโลกในไตรมาส 4/53 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณความต้องการสูงกว่าปริมาณผลผลิต เป็นผลจากปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่เพาะปลูกก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้มีผลต่อบริษัทมากนัก เพราะได้ทำสัญญาซื้อขายไว้ล่วงหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกลับมาดีขึ้น หลังจากมีปริมาณฝนตกมากขึ้นในระยะนี้ ขณะที่ประเมินว่าปี 54 จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยได้ 4.5-5.0 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณเก็บเกี่ยวในปีนี้ที่ 4.3 ล้านตัน ขณะที่ราคาขายก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย โดยคาดว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะอยู่ที่ 25-26 เซ็นต์/ปอนด์ จากปัจจุบันที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 23 เซ็นต์/ปอนด์
จากการปรับขึ้นของราคาขายจะส่งผลดีต่อรายได้บริษัทในงวดปี 54(พ.ย.53-ต.ค.54)ที่จะเติบโตขึ้น โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 10% จากปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิก็จะมีแนวโน้มที่ดีและอาจสูงกว่าปกติ จากที่ผ่านมาบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 700-800 ล้านบาท นอกจากนี้การที่มีผลผลิตจากโรงงานของบริษัทในต่างประเทศเพิ่มเข้ามา ทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำตาลโลกยังคงสูงขึ้น และความต้องการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น
"ราคาน้ำตาลยังเห็นการขยับขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าเราก็มองว่าน่าจะมากขึ้นกว่าปีนี้แน่ เพราะด้วยความต้องการที่มาก และยังเกิดจากการเก็งกำไรของพวกกองทุนที่เข้ามาเล่น ซึ่งก็จะส่งผลบวกกับเรา ราคาส่งออกก็ดีกว่าราคาขายในประเทศด้วย ส่วนปีนี้เราไม่ห่วงเพราะที่จะขายในปีนี้เราทำสัญญาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา"นายชลัช กล่าว
นายชลัช กล่าวต่อว่า ส่วนในงวดปี 53 เชื่อว่ายังมีกำไร แม้จะไม่มากนัก แต่บริษัทก็เชื่อว่าน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แต่จะจ่ายในอัตราเท่าใดขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทที่จะมีการประชุมหลังปิดงบการเงินงวดไตรมาส 4/53 โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ