ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายทำกำไร ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 47.23 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 1, 2010 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 47.23 จุด หรือ 0.44% แตะที่ 10,788.05 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.53 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,141.20 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 7.94 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 2,368.62 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq มีอยู่ราว 8.76 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1,511 ต่อ 1,455 ในตลาดนิวยอร์ก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเช้า หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขจีดีพีขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 ปี เป็นขยายตัว 1.7% จากที่ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าขยายตัวเพียง 1.6% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น และภาคเอกชนได้ปรับเพิ่มสต็อกสินค้า นอกจากนี้ จีดีพีไตรมาส 2 ยังขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดการเงินคาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.6%

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ย. ลดลง 16,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 453,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 460,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวปานกลาง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 มาจากการขยายตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยทางกระทรวงได้ปรับเพิ่มการประเมินตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำไตรมาส 2 เป็นขยายตัว 2.2% จากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัวเพียง 2.0% นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าสินค้าในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 33.5% ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 26 ปี ขณะที่ยอดการส่งออกสินค้าขยับขึ้นเพียง 9.1% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงในช่วงบ่าย เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่คำนวณในดัชนี Nasdaq ร่วงลง 0.33% แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตลาดปิดลบในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. และสถาบัน ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ