บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR)โดยปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 17.40 บาท ทั้งนี้ กำไรปกติไตรมาส 3/53 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 130% yoy (เทียบกับกำไรปกติไตรมาส 3/52 ที่ 69 ล้านบาท) เนื่องจากมีภาพยนตร์ทำรายได้ดีหลายเรื่อง เช่น กวนมึนโฮ (129 ล้านบาท) The Twilight Saga : Eclipse (102 ล้านบาท) Resident Evil : Afterlife (94 ล้านบาท) สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก (78 ล้านบาท) The Sorcerer’s Apprentice (65 ล้านบาท) ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ (63 ล้านบาท) และ Inception (62 ล้านบาท)
อีกทั้งค่าตั๋วเฉลี่ย (ATP) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% yoy ซึ่งเป็นผลมาจากการทยอยปรับราคาและการเพิ่มจำนวนภาพยนตร์ที่ฉายภาพยนตร์ระบบ 3D ขณะที่โรงภาพยนตร์ที่สยามพารากอนกลับมาเปิดตามปกติเต็มทั้งไตรมาสหลังจากปิดไปประมาณ 2 เดือนในช่วงการชุมนุม
ขณะที่ธุรกิจโฆษณาซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่า 80% ก็ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากเจ้าของสินค้ากลับมาใช้งบโฆษณากันมากขึ้น ส่วนอัตรากำไรจะถูกผลักดันจากธุรกิจโฆษณาและค่าเสื่อมราคาที่ลดลงจากการขยายประมาณการอายุการใช้งานของอุปกรณ์
นอกจากนี้ ได้มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นสะท้อนถึงรายได้ภาพยนตร์ที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของรายได้โฆษณาซึ่งมีอัตรากำไรสูง ส่วนในไตรมาส 4/53 ต่อเนื่องไปในปี 2554 ยังมีภาพยนตร์ที่คาดว่าจะทำรายได้สูงเข้าฉายอีกหลายเรื่อง ประกอบกับราคาตั๋วเฉลี่ยมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการปรับราคาและการฉายภาพยนตร์ 3D มากขึ้น ส่วนการโอน ซูซูกิอเวนิว เข้ากองทุน MJLF ในไตรมาส 4/53 คาดว่าจะทำให้บริษัทบันทึกกำไรพิเศษเพิ่มเติม 80-100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าของ MAJOR ขึ้น 9% และ 8% ตามลำดับจากการที่ภาพยนตร์หลายเรื่องทำรายได้สูงกว่าคาดและรายได้ยังมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องจากการมีภาพยนตร์หลักๆ ทยอยเข้าฉาย ในขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวและอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตดีส่งผลให้รายได้โฆษณาของ MAJOR ฟื้นตัว แม้ยังไม่ได้รวมกำไรพิเศษประมาณ 80-100 ล้านบาท จากการโอนโครงการ ซูซูกิ อเวนิว เข้ากองทุน MJLF ในไตรมาส 4/53 แต่กำไรปกติของ MAJOR คาดว่าจะเติบโตถึง 86% เป็น 578 ล้านบาท (0.66 บาท/หุ้น) ในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 15% เป็น 663 ล้านบาท (0.75 บาท/หุ้น) ในปี 2554
วานนี้(30 ก.ย.)หุ้น MAJOR ปิดที่ 14.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท(+7.41%)มูลค่าซื้อขาย 180.60 ล้านบาท