บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) คาดว่าปี 53 กำไรสุทธิน่าจะเติบโตได้ถึง 40% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.14 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 20% ขณะที่รายได้จะเติบโตประมาณ 20% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 15% เช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว แม้ต้นปีมีปัญหาการเมือง แต่ยอดขายของบริษัทก็ไม่ได้ตกลงไป
และในปีหน้าก็จะคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 2.0-2.5 พันล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก 4-5 แห่ง
นอกจากนั้น บริษัทยังจะมีการร่วมทุนเพื่อเปิดสาขาโฮมโปรแห่งแรกในมาเลเซีย ราวปลายปี 54 คาดว่าการลงทุนตั้งสาขาใหม่จะใกล้เคียงกับที่ลงทุนในประเทศไทยคือราว 500 ล้านบาท/สาขา ทั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทจะขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 5 ปี
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ HMPRO กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนตั้งสาขาโฮมโปรในมาเลเซีย ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนและสัดส่วนการถือหุ้นจะได้ข้อสรุปต้นปี 54 โดยมาเลเซียถือว่ามีศักยภาพในการขยายสาขาโฮมโปร เนื่องจากกำลังซื้อค่อนข้างสูง และรายได้ต่อหัวของประชากรสูงกว่าคนไทย
บริษัทยังมีเป้าหมายรุกขยายสาขาในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติมอีกช่วง 5 ปีนี้ อาทิ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม และลาว ซึ่งในอนาคตเชื่อว่ารายได้ของโฮมโปร์จะมีสัดส่วนจากต่างประเทศเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ
ส่วนการขยายธุรกิจในประเทศ ปี 54 คาดว่าจะลงทุนขยายสาขาในหัวเมืองสำคัญที่ยังไม่ได้เข้าไป เช่น อุบลราชธานี และ นครสวรรค์ รวมถึงหัวเมืองอันดับ 2 คือ สุพรรณบุรี และภาคเหนือ โดยจะใช้เงินลงทนราว 2-2.5 พันล้านบาทจากกระแสเงินสด ขณะที่ในปีนี้เปิดสาขาไปแล้ว 4 สาขา และเหลือที่จะเปิดปลายเดือน ต.ค.อีก 1 สาขาที่นครศรีธรรมราช มีรวม 39 สาขา
สำหรับการออกหุ้นกู้ขณะนี้ยังไม่มีแผนออกเพิ่มเติมหลังจากได้ออกแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ปีหน้าก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการออกหรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน
นายคุณวุฒิ กล่าวว่า รายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้ ได้รับผลดีจากกำลังซื้อในประเทศดีมาก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ดี รายได้จากการส่งออกของประเทศก็ดีขึ้น การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศส่งผลให้สาขาในหัวเมืองทั้งภูเก็ต พัทยา และ หัวหิน เติบโตขึ้นมาดีมากด้วย แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองภายใน แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย โดยเฉพาะในภูมิภาค
ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายประมาณ 12% ทำให้ต้นทุนถูกลง
บริษัทยังคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีหลังได้ตามปกติ หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทจ่ายหุ้นปันผลในสัดส่วน 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล 60% ของกำไรสุทธิ
นายคุณวุฒิ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH)และ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH)ถือหุ้นใน HMPRO ในสัดส่วนประมาณ 50% ซึ่งคาดว่ายังไม่มีแผนขายหุ้นออกไป เพราะขณะนี้มาร์เก็ตแค็ปเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาทหลังจากตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่าทำให้ LH และ QH มีกำไรจากการลงทุนค่อนข้างมาก