นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมให้เป็นธรรม เพราะทางการมองในมุมของผู้ใช้บริการ แต่ธนาคารเองก็มีต้นทุนในการให้บริการด้วย แม้ว่าจะเป็นการให้บริการโอนเงินผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ ก็มีค่าใช้จ่ายค่าเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ ควรจะต้องหาจุดสมดุลกันก่อน
"ต้องมาคุยกันอีกที แต่ก็ไม่ใช่ลดจนไม่เหลืออะไรเลย ก็ต้องมาหาจุดที่สมดุลกัน ในแง่ของธนาคารก็ต้องตอบผู้ถือหุ้นได้"นายวิชิต กล่าว
สำหรับข้อตกลงการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ได้บรรลุข้อตกลงกันในครั้งแรกไปแล้วนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางสมาคมธนาคารไทยเข้ามาเป็นตัวกลางในการหาข้อสรุปร่วมกัน ทให้ตกลงกันได้ง่ายขึ้น เพราะสมาคมฯ เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของธนาคารทั้งหมด ซึ่งในแง่ของธนาคารคงได้รับผลกระทบต่อรายได้ประมาณ 100-200 ล้านบาทเท่านั้น
นายวิชิต กล่าวว่า แม้จะมีการปรับลดค่าธรรมเนียม แต่ธนาคารก็ยังไม่หยุดลงทุนขยายสาขาหรือเพิ่มตู้เอทีเอ็ม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และถึงแม้ว่าจำนวนตู้เอทีเอ็มในปัจจุบันที่มีอยู่ 7,400 ตู้ ที่จริงจะเพียงพอต่อการให้บริการแล้ว แต่ธนาคารก็ยังต้องการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก โดยอาจจะไม่ได้เพิ่มจำนวนมากเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน เพราะทุกอย่างต้องมีความเหมาะสม และต้องมีการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่
"ตอนนี้เราก็ยังไม่หยุดขยายสาขา เพราะคอนเส็ปต์เราต้องการเป็นยูนิเวอร์แซล แบงก์กิ้ง ก็ต้องมีการตอบสนองลูกค้าให้ครบทุกกจุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก"นายวิชิต กล่าว
ส่วนการปรับโครงสร้างผู้บริหารธนาคารในปีนี้ เป็นปีที่มีการปรับโครงสร้างค่อนข้างมาก ซึ่งสาเหตุไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่เป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ต้องการให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด โครงสร้างใหม่จะมีการดูแลลูกค้าครบทุกกลุ่ม และแยกกันให้ชัดเจน เพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป
"ลูกค้ามีความทันสมัยมากขึ้น มีความต้องการที่เปลี่ยนไปมาก อยากได้ผู้บริหารเข้ามาดูลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน แต่ก่อนอาจจะมีการดูลูกค้าหลายกลุ่มรวมกัน แต่กลยุทธที่สำคัญของแบงก์คือการแบ่งแยกตลาดให้ชัดเจน รายใหญ่ก็ต้องดูรายใหญ่ เล็กก็ต้องดูแล ในส่วนของ SME ก็ได้ทำมา 6 เดือนแล้วในการปรับโครงสร้างก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากลูกค้าเห็นว่ามีคนมารับผิดชอบดูแลเต็มที่เต็มเวลา"นายวิชิต กล่าว
นายวิชิต กล่าวอีกว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วง 9 เดือนขยายตัวได้ดี ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่มีปัญหา ส่วนที่เหลือก็เชื่อว่าจทำได้ตามเป้าหมาย
แม้ว่าปีนี้จะยังไม่มีการปล่อยสินเชื่อในโครงการขยายโครงข่าย 3G แต่ธนาคารยังคงยืนยันตามที่ได้มีการทำข้อตกลงกับ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น(TRUE)ไว้ที่จะสนับสนุนด้านการเงินในการดำเนินโครงการดังกล่าว แต่ขณะนี้การประมูลใบอนุญาตได้เลื่อนออกไปแล้ว ส่วนการที่บมจ.ทีโอที ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ลงทุน 3G วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าสนใจจะปล่อยกู้หรือไม่ คงต้องรอดูแผนงานก่อน