หุ้นหลักทรัพย์ดีดตัวเกือบยกกลุ่มต่อเนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงเก็งกำไรงบไตรมาส 3/53 น่าจะออกมาดีตามวอลุ่มตลาดแต่ละวันที่ปรับตัวเพิ่มสุงขึ้นมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
เมื่อเวลา 10.34 น.หุ้นหลักทรัพย์ 3 อันดับแรกที่บวกขึ้นมาในวันนี้ ได้แก่
หุ้น CGS บวก 4.63% มาอยู่ที่ 1.13 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 107.82 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 1.14 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.10 บาท
หุ้น ASP บวก 3.61% มาอยู่ที่ 3.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าการซื้อขาย 229.08 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.36 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.54 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.34 บาท
หุ้น KGI บวก 2.01% มาอยู่ที่ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าการซื้อขาย 190.32 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.00 บาท
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรต่อเนื่องในงบในไตรมาส 3/53 ที่คาดว่าจะออกมาดีทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายที่ปรับเพิ่มสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท/วัน จากไตรมาส 2/53 อยู่ที่ 2 หมื่นกว่าล้านบาท/วัน และดัชนีตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลต่อโบรกเกอร์ที่มีพอร์ตลงทุนได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วย และเชื่อว่าแนวโน้มยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/53 เป็นปัจจัยสนับสนุนกลุ่มหลักทรัพย์
"ยังสามารถลงทุนกลุ่มหลักทรัพย์ได้ ถ้าจะซื้อก็เป็นการเก็งกำไรเพราะกำลังจะประกาศออกมาใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าซึ่งน่าจะเติบโตค่อนข้างมากเพราะมูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมที่ปรับสูงขึ้น ส่วนเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นทางอ้อมมากกว่า ที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น"นักวิเคราะห์ กล่าว
บล.ที่ได้ประโยชน์จากวอลลุ่มที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากพอร์ตลงทุน แนะนำลงทุน ASP, KGI โดยที่บางตัวราคาได้ปรับเกินเป้าหมาย โดย KGI น่าจะมีกำไรโดดเด่นในงวดไตรมาส 3/53 ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 3.67% ในไตรมาส 2/53 เป็น 5.16% หลังจากลูกค้าให้การตอบรับอย่างดีในสินค้าใหม่ของบริษัท นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรจากพอร์ตลงทุนจะเพิ่มขึ้น 80% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้โดยรวมคาด KGI จะมีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 172.4% จากงวดเดียวกันปีก่อน
ส่วน ASP โดดเด่นในด้านพอร์ตลงทุนที่หลากหลาย เป็นการเพิ่มรายได้และกระจายการลงทุนเพื่อรองรับการเปิดเสรีในอนาคต ทั้งอนุพันธ์ พอร์ตลงทุน และ บลจ.ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นปัจจัยหนุนการเข้าลงทุน