SMIT พุ่ง 5.22% ผู้บริหารคาดแนวโน้ม H2/53 ดีกว่า H1-รับผลดีซื้อหุ้นคืน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 5, 2010 12:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาหุ้น SMIT ราคาพุ่งขึ้น 5.22% มาอยู่ที่ 2.42 บาทเพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าการซื้อขาย 16.31 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.15 น.โดยเปิดตลาดที่ 2.34 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 2.42 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.34 บาท

นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรเครื่องกล(SMIT) กล่าวว่า ราคาหุ้น SMIT ที่ปรับขึ้นมาในช่วงนี้น่าจะมาจากหลายสาเหตุที่เป็นผลจากการบริหารงานของบริษัท ทั้งโครงการซื้อหุ้น และแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ที่เติบโตได้ดี

"ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นน่าจะเป็นเพราะนักลงทุนให้ความไว้วางใจ และเห็นการเติบโตของบริษัทในอนาคต รวมทั้งความคิดในการซื้อหุ้นคืน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น"นายชัยศิลป์ กล่าวกับ"อินโฟควสท์"

ทั้งนี้ เหตุที่บริษัทมีแผนซื้อหุ้นคืนเนื่องจากมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(book value)ที่ 2.60 บาท และต่ำกว่าราคาไอพีโอด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อสถานะบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นและยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นด้วย โดยบริษัทได้เตรียมวงเงินซื้อหุ้นคืนกว่า 100 ล้านบาท เป็นการซื้อในกระดานและมี Cash Flow ในการลงทุน

ด้านผลประกอบการของบริษัท คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 3/53 และช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่เติบโต 30% เทียบกับครึ่งแรกของปีก่อน เนื่องจากออร์เดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นจากการกลับมาของลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจเติบโตส่งผลให้มีปริมาณงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นลูกค้าหลัก

นายชัยศิลป์ คาดรายได้ทั้งปี 53 ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากแค่ครึ่งปีแรกบริษัทก็มีกำไรแล้ว 60 ล้านบาท มากว่าทั้งปี 52 ที่มีกำไรสุทธิกว่า 40 ล้านบาท และจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปีนี้มากกว่าแน่นอน จากปีก่อนที่จ่ายเพียงครั้งเดียวที่ 0.05 บาท แต่ในปีนี้ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.05 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จ่ายระหว่างปี

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ธุรกิจบริษัทเติบโตค่อนข้างมากจากความต้องการที่มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทได้วางแผนในการสร้างอาคารโรงงาน ที่บางประกง เพื่อเอาไว้สต็อคสินค้าโดยเฉพาะเหล็ก และรองรับกำลังการผลิตที่ปัจจุบันใกล้เต็ม 6 พันตัน/วัน ซึ่งคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในปลายปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ