โบากฯเชียร์"ซื้อ"PTTEP ปรับเป้าราคาตามกำไรปี 53-54 ดีขึ้น-หุ้น Laggard

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 5, 2010 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)มองราคาหุ้นต่ำกว่ากำไรสุทธิที่ปีนี้เติบโตสูงกว่า 80% เป็น 4.0-4.08 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 3/53 คาดประกาศกำไรโดดเด่น จากปริมาณและราคาขายที่สูงขึ้น รวมทั้งในปีนี้จะได้รับเงินค่าชดเชยค่าประกันราว 4 พันล้านบาทและปีหน้าอีก 2 พันล้านบาท พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นตามกำไรสุทธิที่ปรับขึ้นด้วย

ส่วนปัญหาแหล่งมอนทารา คาดว่าภายในสิ้นปี 53 น่าจะจบตามที่ผู้บริหารคาดไว้ และราคาหุ้นก็ได้สะท้อนไปแล้วส่วนหนึ่ง แม้จะยังคงต้องติดตามต่อไปในช่วงที่ยังไม่มีรายงานออกมาเชื่อว่ากดราคาในระยะสั้น

ตั้งแต่ต้นปี 53 ราคาหุ้น PTTEP ไม่ได้ขยับไปมาก ไม่เกิน 10% ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานเพิ่มไป 17% จึงเห็นว่าหุ้นยัง laggard จึงน่าเข้าไปซื้อ

          โบรกเกอร์        คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย (บาท)

          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ             220.00
          บล.ฟาร์อีสท์          ซื้อ             204.00
          บล.ทรินีตี้            ซื้อ             198.00
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อ             195.00
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ             192.00
          บล.เกียรตินาคิน       ซื้อ             184.00
          บล.เคจีไอ           ซื้อ             188.00
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ             184.67

นายชาญวุทธ นายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิ PTTEP ปี 53 เพิ่มเป็นเติบโต 86% เป็น 4.12 หมื่นล้านบาท และปี 54 เติบโต 18% เป็น 4.85 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากแหล่งอาทิตย์เหนือที่รับรู้เต็มปี และแหล่ง MJDA ที่เริ่มเมื่อเม.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับราคาขายได้ดีขึ้นตามราคาน้ำมัน

โดยเฉพาะในไตรมาส 3/53 คาดว่ากำไรสุทธิจะมี 1.12 หมื่นล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 114% yoy และโต 6% qoq

นอกจากนี้บริษัทจะได้เงินชดเชยประกันจากการรั่วไหลของน้ำมันและเหตุเพลิงไหม้ในแหล่งมอนทารา ในปี 53 คาดได้รับจำนวน 4 พันล้านบาท และในปี 54 ได้รับกว่า 2 พันล้นบาท

ดังนั้น จึงได้ปรับราคาเป้าหมายปี 54 เป็น 220 บาท จาก 207 บาท หลังปรับประมาณการกำไรในปี 53-54

"ปัจจัยหลักที่เราแนะนำให้ซื้อ กำไรปีนี้โตถึง 86% และปีหน้าโต 18% และราคาหุ้นยัง laggard โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTEP ขึ้นไป 5% แต่ในกลุ่มพลังงานปรับขึ้นไป 12% และดัชนีรวมขึ้นไป 13% ส่วนหุ้นไทยออยล์ PTTAR ขึ้นไป 15-20%" นายชาญวุทธ กล่าว

ส่วนกรณีการพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นในแหล่งมอนทาราจากรัฐบาลออสเตรเลีย และการเรียกร้องความเสียหายจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวบางส่วนแล้ว โดยผู้บริหารคาดว่าจะรู้ผลรายงานภายในสิ้นปี 53 ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าบริษัทต้องเสียค่าปรับหรือมีค่าใช้จ่ายอะไรอีก

อย่างไรก็ตาม คาดว่าแหล่งมอนทาราจะสามารถผลิตได้ในกลางปี 54 ก็จะเข้ามาเสริมรายได้ในปีหน้าด้วย

ด้านนายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวถึงกรณีน้ำมันรั่วไหลในแหล่งมอนทารา ผู้บริหารคาดว่าน่าจะได้รับรายงานผลสอบแสวนภายในสิ้นปีนี้ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่าผู้บริหาร PTTEP ได้ทำถูกต้องตามขั้นตอนมาโดยตลอด แต่คาดว่าแหล่งมอนทาราจะเริ่มผลิตได้ในปี 55 ขณะที่ผู้บริหารยังคงคาดว่ากลางปีหน้าจะผลิตได้

ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 3/53 จะออกมาโดดเด่น โดยคาดว่าจะมีกำไร 1.16 หมื่นล้านบาท เติบโต 120% yoy และ 9% qoq ซึ่งเป็นผลมาจากราคาและปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งในไตรมาสนี้จะมีการบันทึกเงินประกันชดเชย จำนวน 44 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท

และในไตรมาส 4/53 คาดว่ากำไรจะเติบโตคต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้รับเงินค่าชดเชยจากประกันอีก 81 ล้านเหรียญ หรือ 2.4 พันล้านบาท

ในปี 53 คาดว่าทั้งปีกำไรสุทธิจะเติบโต 84% เป็น 4.08 หมื่นล้านบาท และ ปี 54 เติบโต 23% เป็น 5.01 หมื่นล้นบาท

"ราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนผลประกอบการ ราคาหุ้นขึ้นมาประมาณ 10% แต่กลุ่มพลังงานปรับขึ้นไป 17% และดัชนีหุ้นโดยรวมขึ้นไป 32% เพราะนักลงทุกังวลเรื่องมอนทารา ทำให้กลายเป็นหุ้น laggard" นายกิติชาญ กล่าว

ส่วน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ PTTTEP จะได้รับผลกระทบจากปัญหายืดเยื้อในโครงการมอนทารา แต่เชื่อว่า PTTEP จะยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจในระยะสั้น จากกระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่ยังคงไหลเข้าและการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตามการอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องของค่าเงินสกุลสหรัฐฯ เราเชื่อว่า PTTEP จะถูกพิจารณาให้เป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีในฐานะหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 9.6% ในปี 53 ต่ำกว่าตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.7% และปรับตัวต่ำกว่ากลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 13.1% ในช่วงเดียวกัน

นอกจากนี้ จากความต้องการก๊าซในประเทศที่อยู่ในระดับสูง เราปรับเพิ่มยอดขายในปี 53-54 อีก 2.6%-4.4% ซึ่งทำให้ประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น 9.4-10.3% เป็น 4.1 หมื่นล้านบาท และ 4.38 หมื่นล้านบาทในปี 53-54 แนะนำ"ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 188 เพิ่มจาก 182 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ