ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนก.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าการขยายตัวของภาคบริการจะช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานของสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่ครอบคลุมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยและจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 193.45 จุด หรือ 1.80% ปิดที่ 10,944.72 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 23.72 จุด หรือ 2.09% ปิดที่ 1,160.75 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 55.31 จุด หรือ 2.36% ปิดที่ 2,399.83 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 8.77 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53.2 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.5 จุด ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 52.0 จุด โดยภาคบริการคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเมื่อภาคบริการขยายตัวก็จะทำให้ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นด้วย
รายงานของ ISM ยังระบุด้วยว่า ดัชนีการจ้างงานในภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 50.2 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับ 48.2 จุดในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการขยายตัวที่ระดับ 54.9 จุดในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 52.4 จุด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0-0.1% พร้อมกับจัดตั้งกองทุนวงเงิน 35 ล้านล้านเยน (4.19 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล ตราสารเชิงพาณิชย์ และหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน รวมทั้งรับหลักทรัพย์เหล่านี้ไว้เป็นหลักประกัน โดยบีโอเจให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเช่นนี้ไปจนกว่าราคาผู้บริโภคจะมีเสถียรภาพ
การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยและใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งนี้นับเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมายของตลาด และทำให้นักลงทุนความเคลื่อนไหวของบีโอเจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการส่งสัญญาณครั้งล่าสุดของเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดซึ่งกล่าวปาฐกถาในที่ประชุมในเมืองโร้ดไอร์แลนด์ของสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐจะได้ประโยชน์หากเฟดตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีกครั้ง"
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัท อัลโค อิงค์ ที่จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดในแวดวงธุรกิจนั้น บริษัท กรูโป เทเลวิซา เตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัท ยูนิวิชัน คอมมูนิเคชัน ของสหรัฐ มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเทเลวิซาทะยานขึ้น 9.8%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนก.ย. และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค.