นายสมยศ แสงสุวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม(GENCO)คาดว่า ในปี 53 บริษัทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้จากขาดทุนปีก่อน 8.9 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนปีที่แล้วทั้งค่าชดเชยการเออร์ลี่รีไทร์ของพนักงาน และค่าใช้จ่ายด้อยค่าในสินทรัพย์
บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ประมาณ 420 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 382 ล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้ส่วนใหญ่มาจากงานของลูกค้าเดิม ส่วนงานใหม่ได้เข้ามาแค่เพียง 3-4 งาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่มีมูลค่าไม่สูงนัก แต่ในไตรมาส 4/53 บริษัทอาจจะเข้าประมูลงานเพิ่มเติมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
แม้ว่ารายได้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทได้เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในด้านการลดต้นทุน อีกทั้งมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาด้วย จึงเชื่อว่าผลประกอบการน่าจะออกมาดีขึ้นกว่าปีก่อน
"ในปีนี้ถึงแม้เราจะขายได้น้อย แต่ผลประกอบการจะดีกว่าปีที่แล้วเพราะลดต้นทุน รวมทั้งมีการปรับการทำงาน ยอดขายอาจจะไม่มาก แต่ผลประกอบการน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ปีนี้ไม่น่าจะขาดทุน"นายสมยศ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสมยศ กล่าวว่า ครึ่งปีแรกผลประกอบการของบริษัทก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้จะยังมีผลขาดทุนอยู่ 4.7 ล้านบาท แต่ก็ขาดทุนลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 26.83 ล้านบาท และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/53 น่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/53
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจกำจัดขยะในปีนี้ไม่ได้เติบโตมาก เพราะปีนี้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมยังไม่ค่อยจะลงทุนด้านการกำจัดขยะที่ได้มาตรฐาน ส่วนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดแม้จะทยอยดำเนินการแล้ว แต่ก็ยังไม่มีงานเพิ่มเติมอะไร ทำให้ภาพรวมปีนี้รายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าเก่า ทำให้รายได้ปีนี้อาจน้อยลงกว่าที่คาดไว้
ส่วนโครงการที่จะศึกษาการกำจัดขยะประเภทอื่น ขณะนี้บริษัทได้ชะลอไปก่อน เพราะภาพรวมธุรกิจกำจัดขยะปีนี้ไม่ดี อุตสาหกรรมไม่ค่อยเข้ามาในระบบรับจ้างบำบัดขยะมาตรฐาน และส่วนหนึ่งไปกำจัดขยะเอง นอกจากนี้ มีปัญหาด้านราคาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้รายได้ธุรกิจนี้ไม่ค่อยสดใสนัก
นายสมยศ กล่าวถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ GENCO ว่า บริษัทมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ประมาณ 75 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกรับรู้ไปแล้ว 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 25 ล้านบาทจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยปีนี้บริษัทได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเอเชีย คอมเมอเชียล เฟส 2 ในบางบัวทอง มูลค่า 120 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ เนาวรัตน์ ในย่านบางบัวทอง
ขณะที่เดิมบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 6 โครงการ ได้แก่ ทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ ในย่านบางบัวทอง มูลค่า 200 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียม สาทรเรสซิเดนท์ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท, เดอะเพนเนอรี่ คอนโดมิเนียม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท เป็นต้น
"ธุรกิจอสังหาฯถ้าเทียบกับธุรกิจกำจัดขยะ ธุรกิจอสังหาฯจะกำไรดีกว่า เพราะตลาดภาพรวมกำจัดขยะยังปั่นป่วนอยู่ เพราะบ้านเรามีปัญหาเรื่องมาตรฐาน ปีนี้ที่จะมีกำไรน่าจะมาจากธุรกิจอสังหาฯ"นายสมยศ กล่าว
นายสมยศ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจว่าจะมีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในปีหน้าหรือไม่อย่างไร โดยขณะนี้บริษัทมีที่ดินเปล่า 3 แปลง ได้แก่ ย่านแจ้งวัฒนะ , ย่านบางคูรัด จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 40 ไร่ และย่านรามอินทรา