นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN)กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้ารุกตลาดซิตี้คอนโดมิเนียม หรือ คอนโดมิเนียมในระดับ 1 ล้านบาทต้น ๆ ที่บริษัทเป็นเจ้าตลาด ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายกำลังปรับกลยุทธโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ เพราะบริษัทยังมั่นใจว่าตลาดเปิดกว้างและความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทนี้ยังสูงมาก
ทั้งนี้ ในปีหน้า LPN มีแผนจะเปิดโครงการเพิ่มอีกอย่างน้อย 6-8 โครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน
"ปกติปีหนึ่งๆเราก็เปิดประมาณ 6-8 โครงการ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการดูที่ดิน ทำเลตอนนี้ยังบอกไม่ได้ แต่เราก็ดูอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังเป็นคอนโดฯ ระดับล้านต้นๆ เหมือนเดิม เราก็มีตั้งแต่ต่ำกว่าล้านจนถึงไม่เกิน 2 ล้าน"นายโอภาส กล่าว
นายโอภาส กล่าวว่า แม้หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จะลงมาในตลาดนี้ แต่คงไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทมากนัก เนื่องจากมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคายูนิต 1 ล้านบาทต้นๆ เป็นตลาดที่มีความต้องการค่อนข้างสูงมาก และทำเลในการพัฒนาโครงการในระดับราคาดังกล่าวมีอยู่หลายที่ ไม่เหมือนคอนโดมืเนียมระดับพรีเมียมที่กระจุกตัวอยู่ในใจกลางเมือง จึงทำให้มีการแข่งขันกันสูง
บริษัทมองว่าหากทำเลที่ก่อสร้างโครงการซิตี้คอนโดมิเนียมไม่ได้อยู่ในละแวกเดียวกันก็คงจะไม่ทำให้มีการแข่งขันกันสูง แต่หากอยู่ในละแวกเดียวกันก็อาจจะมีการแข่งขันกันตามมา ซึ่งบริษัทก็ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยการพัฒนาและปรับปรุงโครงการอยู่เสมอๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
"ตลาดล้านต้นๆเป็นตลาดที่มีความต้องการที่เยอะมากพอสมควร ซึ่งการ develop ตลาดในระดับล้านต้นๆ ทำเลในการ develop มันก็หลากหลาย ไม่เหมือนตลาดพรีเมียมที่ต้อง develop อยู่ใจกลางเมืองทำให้แข่งกัน...ตลาดฯ ล้านต้นๆ แม้ว่ามันจะลงมาเล่นกันมาก แต่ว่าด้วยขนาดตลาดที่มันกว้างก็ยังไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คือก็ต้องดูว่าทำเลที่ develop อยู่ตรงไหน คือถ้าชนกันก็ถือว่าเป็นการแข่งขันกันโดยตรง แต่ถ้าคนหนึ่งทำอยู่ที่หนึ่ง อีกคนทำอีกทีหนึ่ง ก็ถือว่าไม่ได้มีการแข่งขันกันมาก"นายโอภาส กล่าว
"จริง ๆ ตลาดล้านต้นๆสมัยก่อนก็มีการแข่งขันกันอยู่แล้วเพียง แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนี้รายใหญ่อย่าง คิวเฮ้าส์ หรือ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็เข้ามาเล่นมากขึ้น ซึ่งเราก็มีการปรับกลยุทธ์รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาตลอดอยู่แล้วเพื่อรับมือ"นายโอภาส กล่าว
*คาดรายได้-กำไร Q4/53 ทุบสถิติ,มั่นใจยอดพรีเซลล์ทั้งปีทะลุเป้า
นายโอภาส กล่าวถึง รายได้และกำไรของ LPN ในไตรมาส 4/53 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่บริษัทเปิดทำการเป็นต้นมา เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้วเสร็จรวม 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ"ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์", โครงการ"ลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะฯ-ริเวอร์วิว", โครงการ"ลุมพินีวิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4" และ โครงการ"ลุมพินี คอนโดทาวน์-บางแค"มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท
บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 9,600 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้(Blacklog)อยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ฯภายในปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ในปีหน้าอีก 11,000 ล้านบาท
ส่วนยอดขาย(Presales)ปีนี้มีโอกาสทะลุเป้าเดิม 1.3 หมื่นล้านบาท มาที่ 1.5-1.6 หมื่นนล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 11,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากยอดขายโครงการ"ลุมพินีเพลส พระราม 9 เฟส 2"ที่เปิดขายไปเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก
ประกอบกับ ในช่วงไตรมาส 4/53 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการ"ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3"มูลค่า 5,500 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในวันที่ 30 ต.ค.นี้ บริษัทมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและจะขายหมดในระยะเวลาอันสั้น
ทั้งนี้ โครงการ"ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3"จะเริ่มบันทึกรายได้ได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 55