นายสมบุญ ชีวสุทธานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น(MATCH)เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า การที่ บริษัท บีบีทีวี โปรดักชั่น จำกัด หรือเครือสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)หุ้น MATCH หลังจากใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (MATCH-W2)เป็นหุ้นสามัญ ทำให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 48% เป็น 57% นั้น ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ บริหารงาน หรือกรรมการแต่อย่างใด
"ขณะที่ยืนยันว่าแม้บริษัท บีบีทีวีฯ จะเข้ามาถือหุ้นมากขึ้นเกินกว่า 50% แล้ว แต่ทางกลุ่มชีวสุทธานนท์ ที่ถือหุ้นรวมกว่า 10% ไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นทีถืออยู่ออก และไม่มีแผนที่จะนำบริษัทออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์"นายสมบุญ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของ MATCH ในขณะนี้ นายสมบุญ กล่าวว่า ไตรมาส 3/53 มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะมีรายได้สูงขึ้นจากไตรมาส 2/53 เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองดีขึ้น
ขณะที่ไตรมาส 4/53 คาดว่าจะเป็นช่วงการสร้างรายได้ดีที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงการเฉลิมฉลอง ทำให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทมีการรับงานอีเว้นท์ในมือหลายงานแล้ว และเมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทยังได้เวลาออกอากาศรายการโทรทัศน์เพิ่มอีก 15 นาที ในส่วนของรายการ"ปลดหนี้"ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 จาก 30 นาที เป็น 45 นาที ซึ่งจะทำให้มีสปอนเซอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อรายได้บริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
"เราได้เวลาเพิ่มขึ้นจากรายการปลดหนี้อีก 15 นาที ซึ่งเดิมเราก็มีสปอนเซอร์เต็มอยู่แล้ว และเมื่อได้เวลาเพิ่มก็น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ เรายังมีงานโปรดักชั่นเฮ้าส์ งานการตลาด งานถ่ายทำภาพยนต์ต่างๆ ซึ่งหากหมดหน้าฝน ก็จะมีงานเพิ่มขึ้นอีก...เรายังมีงานต่างประเทศ ทั้งการรับจ้างภาพยนตร์ ทีวี ซึ่งมีทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี แต่งบจะน้อยลง"นายสมบุญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่จำนวน 750 ล้านบาท และเชื่อว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่มีผลประกอบการขาดทุน รวมทั้งจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ หลังจากบริษัทล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40%ของกำไรสุทธิ