(เพิ่มเติม) "ปกรณ์"เตือนหน่วยงานรัฐช่วยผู้ส่งออก-จัดโรดแม็ปรับมือบาทแข็งค่าหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 6, 2010 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อนุกรรมการศูนย์พัฒนาการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ และอดีตประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคการส่งออกว่าได้ผลผลกระทบมากน้อยเพียงใด

และควรช่วยกันจัดทำแผนโรดแมปต่างๆ เพื่อดูแลอย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจจะมีการสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการและเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน และทางรัฐบาลก็ควรมีมาตรการทางด้านภาษีเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนการนำเข้าสินค้าทุนของผู้ประกอบการในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าเพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต และลดต้นทุน

นายปกรณ์ เชื่อว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดูแลในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนดีอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ในระยะยาวก็ต้องมีการติดตามว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียหรือไม่ และมองว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรพิจารณาเป้ากรอบเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 8 ไตรมาสข้างหน้าอย่างรอบคอบว่าควรที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่

"เชื่อว่าข้อมูลที่กนง.พิจารณานั้นจะมีรายละเอียดของข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐานและข้อมูลการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น คงต้องมีการหารือกันว่าจะมีเป้าหมายอย่างไรในการดูแลเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน"นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนนทบุรีวานนี้ว่า หากทางรัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็คงจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในตลาดทุนไทยแต่อย่างใด โดยมองว่าเงินทุนจากต่างชาติยังคงไหลเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้

และยังเชื่อว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักเข้ามาสนับสนุน ได้แก่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มองว่าเติบโตดีกว่าประเทศอื่นๆ ประกอบกับ มูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ดังนั้น ความน่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่

นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)กล่าวว่า การที่ค่าบาทแข็งค่าหลุดระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ ในขณะนี้ ก.ล.ต.ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)เข้ามาหารือเพื่อป้องกันผู้ที่จะเข้ามาฉวยโอกาสในการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด เนื่องจากมองว่าส่วนใหญ่ผู้ลงทุนจะทำการล็อคอัตราแลกเปลี่ยนตั้งแต่ต้นไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีการเก็งกำไรได้ แต่ทั้งนี้ ก.ล.ต.ก็จะยังเฝ้าติดตามเป็นปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ