โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) หลังคาดผลการดำเนินงานปี 62 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากได้รับอานิสงส์การย้ายฐานการผลิตของจีนเข้ามาในอาเซียน หลังได้รับผลกระทบด้านภาษีจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยปัจจุบัน WHA มีที่ดินกว่า 1 หมื่นไร่เพื่อรอการขายในพื้นที่ EEC ซึ่งลูกค้าแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ก็จะส่งผลดีต่อยอดขายและยอดโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน WHA ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศที่สนใจเข้ามาเช่าใช้คลังสินค้าอีกจำนวนหลายราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยประกาศข่าวดีออกมาได้ในปีหน้า
พักเที่ยงหุ้น WHA อยู่ที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 4% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 1.53%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ซีแอลเอสเอฯ ซื้อ 5.50 เอเซีย พลัส ซื้อ 4.89 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 4.72 บัวหลวง ซื้อ 5.25 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 4.80
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มอง WHA จะได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของจีนเข้ามาในอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยทาง WHA ก็เริ่มเห็นสัญญาณการย้ายฐานเข้ามาบ้างแล้ว และได้เตรียมความพร้อมเอาไว้อย่างดี ซึ่งเชื่อว่าในปีหน้า WHA น่าจะได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ จากดีลใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น จะเห็นได้จากที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวการเจรจากับ อาลีบาบา, JD.com, Samsung เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ WHA เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"เรามองว่าปีหน้าอาจจะได้เห็นการทยอยประกาศดีลออกมา จากดีลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประกอบกับ WHA ก็มีลูกค้าอยู่ในหลายๆ อุตสาหกรรมที่เช่าคลังสินค้า ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งน่าจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงมองว่าแม้จะมีรัฐบาลใดเข้ามาก็เชื่อว่าจะเข้ามาสนับสนุนในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นการสร้างการเติบโตให้กับประเทศชาติ ในส่วนของการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ในปีหน้าเราน่าจะเห็นการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม อีกทั้งมองว่าอาจจะมีการประกาศประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมอีก ซึ่งเป็นการขยายไปตามกลุ่มลุกค้าของ WHA ที่มีอยู่ ทำให้เรามองว่าเป็นจุดเด่นจากที่มีพันธมิตรที่ดี"นายปริญญ์ กล่าว
บล.เอเซีย พลัส ระบุในวิเคราะห์ว่า แนวโน้มความต้องการพื้นที่ลงทุนในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้นตามลำดับ สะท้อนจากตัวเลขส่งเสริมการลงทุนใน EEC ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้สูงถึง 2.9 แสนล้านบาท เติบโตถึง 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรระยะสั้นของ WHA ในไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากการขายทรัพย์สินเข้ากอง ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (RElT) และในระยะยาวปี 62-63 น่าจะเห็นยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้น โดยจะทำได้ขั้นต่ำปีละ 1 พันไร่ ด้วยแรงส่งจากความต้องการที่ดินในพื้นที่ EEC และการขยายตัวไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม จะช่วยให้รายได้ปี 62-63 ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 16% มาที่ 1 หมื่นล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ และอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวขึ้นตามราคาขายที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และได้รับผลกระทบจำกัดจากดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะหนี้สินส่วนมากเป็นหุ้นกู้ นับว่าเป็นการล็อกต้นทุนการเงินให้คงที่ ระยะยาวปี 62-63 โดยคาดว่า WHA จะมีกำไรสุทธิที่ 3.6 พันล้านบาท และ 4 พันล้านบาทตามลำดับ
สำหรับมุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับที่ผู้บริหารของ WHA คาดการณ์ว่าปี 62 จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้ หรืออยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เป็นไปตาม 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม (lndustrial Development), ธุรกิจคลังสินค้า (Logistics Hub), ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค (Utilities & Power) และธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล (Digital Platform) โดยปัจจุบัน WHA มีพื้นที่รอการขายกว่า 1 หมื่นไร่ ในพื้นที่ EEC ซึ่งลูกค้าให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากผลกระทบด้านภาษีของสงครามการค้าสหรัฐและจีน ประกอบกับ WHA ได้ซื้อที่ดินใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา กว่า 1 พันไร่ เพื่อรองรับธุรกิจโลจิสติกส์ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมากในอนาคต
บทวิเคราะห์ของบล.ดีบีเอส วิเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ WHA ในไตรมาส 4/61 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หรือเติบโตเป็น 2.15 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% เทียบกับประมาณการทั้งปี เนื่องจากจะมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน และการที่ WHA มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ประมาณ 8 พันไร่ ก็จะได้รับประโยชน์เต็มที่ เนื่องจากคาดว่าจะขายดีมากในอนาคต จากสิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐให้การสนับสนุนเต็มที่กับผู้มาลงทุนในพื้นที่ EEC แม้จะมีการเลือกตั้งในปีหน้าแต่คาดว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อนโยบาย EEC เพราะมีประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมทั้งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ก็จะเป็นประโยชน์ด้านโลจิสติกส์