หุ้น SCC ราคาเพิ่มขึ้น 1.30% มาอยู่ที่ 466.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 586.63 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 464.00 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 468.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 464.00 บาท
หุ้น BDMS ราคาเพิ่มขึ้น 0.97% มาอยู่ที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 211.20 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 26.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 26.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 26.00 บาท
หุ้น CPN ราคาเพิ่มขึ้น 2.40% มาอยู่ที่ 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 388.57 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 73.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 74.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 73.25 บาท
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีทิศทางเป็นบวก คาดว่าเกิดจาก Re-balance ของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เริ่มปรับพอร์ตทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นรายตัวที่เข้าคำนวนในดัชนี MSCI รอบล่าสุด โดยมีผลในวันที่ 28 พ.ค.นี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามูลค่ามากที่สุดภายหลังถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI ประกอบด้วย บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) คาดเงินไหลเข้าเพิ่ม 7,500 ล้านบาท, บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 5,500 ล้านบาท ,บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) 5,400 ล้านบาท ,บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) 2,500 ล้านบาท ,บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) 2,000 ล้านบาท , บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 1,900 ล้านบาท ,บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) 1,800 ล้านบาท ,บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) 1,800 ล้านบาท เป็นต้น
ทั้งนี้ จากแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้ คาดมาจากกองทุนประเภท Passive fund เนื่องจากเป็นการซื้อขายด้วยระบบโปรแกรมเทรด ซื้อขายตามเงื่อนไขสัญญาณที่กำหนดไว้ เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะเริ่มเห็นสัญญาณซื้อจากกองทุนประเภท Active Fund เข้ามาเพิ่มเติม โดยแรงซื้อจะเข้ามาชัดเจนใกล้วันที่มีผล 28 พ.ค.นี้ น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ SET INDEX ปรับตัวเป็นขาขึ้น มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,650 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ หรือจนถึงต้นเดือน มิ.ย.นี้
กลยุทธ์การลงทุนแนะทยอยซื้อหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก MSCI แต่ผู้ลงทุนต้องจับจังหวะให้เหมาะสม เพื่อรับประโยชน์จากการฟื้นตัวตลาดหุ้นไทยช่วงสั้น มองแนวรับ 1,610 จุด