โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) หลังคาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 เติบโตทุบสถิติสูงสุดใหม่ (New High) รับประโยชน์ไฮซีซั่นของธุรกิจ,รับรู้รายได้จากธุรกิจคาแรคเตอร์บริหารลิขสิทธิ์การ์ตูนของ San-X เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
พร้อมกันนั้นบริษัทยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปลายเดือน มิ.ย.นี้จะมีเครื่องดื่มตามฤดูกาลตัวใหม่วางจำหน่ายใน 7-11 สนับสนุนรายได้ต่อเนื่อง และ "All Cafe" จะเปิดตัวสินค้า Non-coffee ตัวใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาด เน้นสุขภาพมากกว่า โดยทาง TACC เป็นซัพพลายเออร์เครื่องดื่มใน "All Cafe" นอกจากนั้นเครื่องดื่มในโถกดของ Hershey's ยังมีเพิ่มขึ้นตามลำดับในสาขา 7-11
ส่วนในช่วงเหลือของปียังคาดกำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/62 รับรู้รายได้ต่อเนื่องจากค่าลิขสิทธิ์ในธุรกิจคาแรคเตอร์ของกลุ่มลูกค้าใหม่ หนุนอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น พร้อมอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ 2-3 ดีล คาดเห็นความชัดเจนปลายปีนี้หรือภายในปี 63 ซึ่งจะมาช่วยหนุนผลการดำเนินงานในอนาคต
พักเที่ยงราคาหุ้น TACC อยู่ที่ 4.20 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนี SET เพิ่มขึ้น 0.18%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 4.80 หยวนต้า(ประเทศไทย) ซื้อ 5.75 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 5.00 โกลเบล็ก ซื้อ 4.90
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกกับ TACC เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/62 จะเติบโตมากกว่าไตรมาสก่อน และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์จากเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ธุรกิจเครื่องดื่มในสาขา 7-11 มียอดขายสูงขึ้น ประกอบกับในช่วงเดือน พ.ค.ของปีที่ผ่านมา ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากภาษีน้ำตาลทำให้มีฐานรายได้และกำไรต่ำ
ส่วนทิศทางรายได้ปีนี้คาดยังเติบโต 15-20% เป็นไปตามทิศทางการขยายตัวของสาขา 7-11 และมีธุรกิจคาแรคเตอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่บริหารลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์การ์ตูนของ San-X ซึ่งในปีที่แล้วบริษัทมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 18 ล้านบาท แต่ในปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือมากกว่าเท่าตัว เพราะมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังแผนเปิดตัวคาแรคเตอร์ใหม่อีกด้วย พร้อมกับขยายธุรกิจคาแรคเตอร์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ,เวียดนาม และสิงคโปร์
ด้านแผนขยายตลาดต่างประเทศ ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งกลับไปขายเครื่องดื่มตรา Zenya ที่กัมพูชาอีกครั้ง คาดเป็นอัพไซด์ของแผนการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิของ TACC ปีนี้จะอยู่ที่ 119 ล้านบาท เติบโต 75% เมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 68.39 ล้านบาท ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" มีราคาเหมาะสม 4.90 บาท
"ปัจจุบันหุ้น TACC ยังน่าซื้อ เพราะอัพไซด์เทียบกับมูลค่าพื้นฐานเกิน 10% โดยกำไรไตรมาส 2 จะเติบโตชัดเจนมาก หลังจากฐานปีที่แล้วต่ำได้รับผลกระทบจากการปรับภาษีน้ำตาล แต่ปีนี้ปรับปรุงแก้ไขสูตรใหม่แล้ว โดยในปีนี้มีพัฒนาการที่ดีจากการกระจายธุรกิจเครื่องดื่มไปลูกค้ารายอื่นเพิ่มขึ้น จากเดิมพึ่งพารายได้จาก 7-11 เพียงอย่างเดียว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าพอใจ"นางสาววิลาสินี กล่าว
ด้าน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) มองว่า ทิศทางกำไรสุทธิของ TACC ไตรมาส 2/62 มีโอกาสเติบโตทุบสถิติสูงสุดใหม่ คาดอยู่ที่ 35-40 ล้านบาท เติบโตเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/62
โดยในไตรมาส 2/62 มีปัจจัยบวกจากเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ ,รายได้จากธุรกิจคาแรคเตอร์ในการจำหน่ายลิขสิทธิ์การ์ตูนของ San-X เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ,ในปลายเดือน มิ.ย.นี้จะมีเครื่องดื่มตามฤดูกาลตัวใหม่วางจำหน่ายใน 7-11 สนับสนุนรายได้ต่อเนื่อง และ "All Cafe" จะเปิดตัวสินค้า Non-coffee ตัวใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาด เน้นสุขภาพมากกว่า โดยทาง TACC เป็นซัพพลายเออร์เครื่องดื่มใน "All Cafe" นอกจากนั้น เครื่องดื่มในโถกดของ Hershey's มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นตามลำดับปัจจุบันมีจำนวน 3,500 โถตามสาขา 7-11
ทั้งนี้ TACC มีแนวทางเพิ่มศักยภาพทำกำไรได้ดีขึ้น ล่าสุดได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มธนาคารคือ ธนาคารออมสิน และธนาคารซิตี้ แบงก์ และโรบินสันใช้ลิขสิทธิ์การ์ตูนซูมิโกะ นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ารายหนึ่งกลุ่มเครื่องดื่มในประเทศตกลงใช้ Rirakkuma บนบรรจุภัณฑ์ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/62 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/63 ล่าสุดยังมีลูกค้ารายใหญ่ในสิงคโปร์อยู่ระหว่างเจรจา
นอกจากนี้ ปลายปีจะมี Event ใหญ่เกี่ยวกับงานแสดงตัวการ์ตูนของ San-X ทำให้ TACC จะได้รับรายได้ 3 ส่วนด้วยกันคือ ค่าลิขสิทธิ์บางส่วนจะทยอยรับรู้นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ต่อเนื่องถึง ต.ค.ปีนี้ ,มีส่วนแบ่งรายได้จากการขาย Sponsor และมีส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายสินค้าภายใต้คาแรคเตอร์ของบริษัท รายได้จากธุรกิจนี้มองเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการในระยะถัดไป เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงหากมีสัดส่วนรายได้ธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของบริษัทสูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนเรื่องการซื้อกิจการ (M&A) ยังอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ดีล อาจเห็นความชัดเจนปลายปีนี้หรือภายในปี 63
ทั้งนี้ ปรับประมาณกำไรสุทธิ TACC ปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 12% มาอยู่ที่ 140 ล้านบาท หรือเติบโต 52.9% เทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการเพิ่มรายได้จากโถกด Hershey's ที่เริ่มสร้างรายได้เต็มปีเป็นปีแรก ส่งผลให้รายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 6% มาอยู่ที่ 1,616 ล้านบาท เติบโต 25.3% เทียบกับปี 61 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 5.75 บาท พร้อมคาดเงินปันผลต่อหุ้นทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 0.20 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 4.8% โดยคาดเงินปันผลครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 0.09 บาท
"การปรับประมาณการขึ้นครั้งนี้ยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของปีนี้ แม้ว่าธุรกิจหลักคือเครื่องดื่มของ TACC คือการพึ่งพารายได้จาก CPALL บริษัทจึงเริ่มขยายตลาดการจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงที่ไม่ใช่กาแฟ ให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ เพิ่มเติม ปัจจุบันเริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียว และชามะนาวในร้านกาแฟมวลชนทั่วประเทศจำนวน 210 สาขา ปีนี้มีแผนขยายสาขาเป็นไม่น้อยกว่า 300 สาขา ร้าน Cafe Plus จำนวน 60 สาขา Jungle cafe 14 สาขา และ ARABITIA ในไทย 3 สาขา และกัมพูชาอีก 10 สาขา ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้และกำไรมากขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป"บล.หยวนต้าฯ ระบุ
บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 ของ TACC ยังเติบโตโดดเด่น ยังคงคำแนะนำ ซื้อ" มีราคาเป้าหมาย 4.80 บาท อิง P/E 23 เท่า สะท้อนมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตของของยอดขาย ผลักดันกำไรสุทธิปีนี้เติบโตโดดเด่นจากปีก่อนที่ชะลอตัว นอกจากนั้น ยังมีประเด็นบวกจากแผนซื้อกิจการในอนาคตตามกระแสเงินสดในมือที่มีสูง ส่วนปัจจัยเร่งในอนาคตคือนโยบายการขยายสาขาของร้าน 7-11 ในไทย และความสำเร็จในการทำการตลาดสินค้ากลุ่มส่งออกและกระแสตอบรับต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นต้น
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ "ซื้อ" หุ้น TACC ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท มีมุมมองเป็นบวกกับกำไรไตรมาส 2/62 คาดเติบโตต่อเนื่องเพราะเป็นฤดูร้อน ส่งผลเครื่องดื่มขายดีแทบทุกช่องทาง รวมถึงรายได้จากธุรกิจคาแรคเตอร์ที่คาดโตเท่าตัวในปีนี้ อย่างไรก็ตาม TACC เตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ 51% ใน Siam Gateway คืนให้บมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPPG คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/62 ทำให้ TACC ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนไตรมาสละ 2 ล้านบาทจากบริษัทดังกล่าวอีกต่อไป เบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิปีนี้จะยังโต 29% มาอยู่ที่ 119 ล้านบาท