"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (22-26 มิ.ย.) เจาะลึกกับข่าวสารสำคัญในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2563
เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (15-19 มิ.ย.) SET INDEX ปรับตัวลดลง 0.85% จากสัปดาห์ก่อน โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลงสูงสุด 6.4% รองลงมาคือกลุ่มการเงิน ลดลง 6.1% และสุดท้ายคือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 5.6%
เกาะติดกับประเด็นร้อนส่งท้ายสัปดาห์ กรณีที่แบงก์ชาติ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ทุกรายงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในรอบผลประกอบการครึ่งปีแรก และงดโครงการซื้อหุ้นคืน ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายค่ายต่างมีมุมมองเชิงลบระยะสั้นกับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมความพร้อมเรื่องสภาพคล่อง เพื่อรับมือกับปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้นเกินกว่าที่ประมาณการ จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ในเบื้องต้น
และปรากฏการณ์ดังกล่าว คงต้องติดตามกันต่อว่าจะนำมาสู่การตัดสินใจของ "แบงก์ชาติ" พิจารณาแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่สองอีกหรือไม่ ??
นักวิเคราะห์ต่างประเมินกันว่าช่วงต้นสัปดาห์ มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนถูกบั่นทอน ไม่เชื่อมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป
แม้ว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะส่งสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง ตอบรับกับปัจจัยสนับสนุนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ประกาศอัดเงินเข้าสู่ระบบ 2 โครงการเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจในสหรัฐฯ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีของไทยยังมีมติเห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว
แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถชดเชยกับความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั้งจากความเสี่ยงการแพร่ระบาดรอบสอง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเป็นจำนวนเกือบ 9 ล้านราย
สำหรับปัจจัยสำคัญที่นักวิเคราะห์เฝ้าติดตามกันในสัปดาห์นี้คือการรายงานแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจโลกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่จะเปิดเผยรายละเอียดในวันที่ 24 มิ.ย. และในวันเดียวกันนี้ต้องเฝ้าจับตาการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้หรือไม่
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินภาพรวม SET INDEX รอบสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ในช่วงการพักฐาน มองกรอบแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,340 จุด และ 1,320 จุด และกรอบแนวต้าน 1,390-1,400 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์เลือกหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยสนับสนุนเพื่อลดความเสี่ยงความผันผวนของตลาดในช่วงนี้ด้วย
"ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาเพราะโมเมนตัม ส่วนหนึ่งคาดหวังฟันด์โฟลว์น่าจะไหลเข้า แต่สิ่งที่เห็นคือ Valuation ตึงตัว ทำให้เงินต่างชาติยังไม่ไหลเข้าหุ้นไทย ขณะเดียวกันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหลายอุตสาหกรรมก็ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่ตลาดคาด และขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เป็นเหตุผลให้ตลาดจะยังให้น้ำหนักไปฝั่งพักฐานมากกว่า"นายกรภัทร กล่าว
บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า กรณี ธปท. สั่งธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผลครึ่งปี และงดโครงการซื้อหุ้นคืน โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงสภาพคล่องและผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่อาจสูงกว่าที่ประเมินเบื้องต้น และคาดว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวลงประมาณ 3-4% โดยปันผลกลุ่มธนาคารประมาณ 6-8% ต่อปี
ขณะที่ผลกระทบต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) คาดว่าจะปรับลดลงประมาณ 7-10 จุด ในเช้าวันจันทร์ (22 มิ.ย.63) และคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) เข้ากลุ่มพลังงานและโรงไฟฟ้า ดังนั้น แนะนำทยอยสะสม PTTEP PTTGC TOP และ BGRIM
ด้านธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 30.70-31.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนพฤษภาคม และสัญญาณการระบาดซ้ำของโควิด-19 ในหลายประเทศ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนมิถุนายน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนพฤษภาคม ดัชนีราคาบ้านเดือนเมษายน และจีดีพีไตรมาส 1/2563 นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมิถุนายนของประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
https://youtu.be/jt4jCoz8KSo