"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (24-28 ส.ค.) มาเจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2563
เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (17-21 ส.ค.) SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,299.26 จุด ลดลง 2.09% จากสัปดาห์ก่อน โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่ม MEDIA ลดลง 6.2% รองลงมาคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ลดลง 6% และสุดท้ายคือกลุ่มพลังงาน ลดลง 4.1%
สำหรับภาพรวมการลงทุนส่งท้ายปลายเดือนสิงหาคม ยังคงถูกปกคลุมด้วยปัจจัยลบถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังสร้างความเสียหายต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกเกินกว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขล่าสุดพบยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมกันมากกว่า 23 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวมกันมากกว่า 8 แสนราย
เป็นเหตุให้ในเวลานี้ความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่ ได้พุ่งเป้าไปที่การเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมไปถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีนโยบายใหม่ สามารถช่วยประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้เหมือนกับที่นักลงทุนทั่วโลกคาดหวังกันได้มากน้อยแค่ไหน
และอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กัน นั้นคือการตั้งโต๊ะเจรจาทบทวนข้อตกลงการค้าฉบับแรกระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน เบื้องต้นถูกคาดหมายจะเริ่มเห็นการเจรจากันอย่างเป็นทางการภายในช่วงสัปดาห์นี้ เป็นการเลื่อนจากกำหนดเดิมที่คาดจะหารือกันในช่วงกลางสิงหาคม
ทำให้หลังจากนี้คงต้องติดตามต่อว่า ผลของการเจรจาทบทวนการค้าในฉบับนี้ จะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็น เกมทางการเมือง อย่างไร เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งด้านเทคโนโลยีของโลก รวมไปถึงการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯในครั้งต่อไป ที่กำหนดจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 โดยมีนายโจ ไบเดน วัย 77 ปี ที่ถูกเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าช่วงชิงตำแหน่งกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินภาพของ SET INDEX รอบสัปดาห์นี้ยังคงเป็นลักษณะแกว่งตัวในกรอบ 1,300-1,320 จุด แม้ว่าจะมีประเด็นเชิงบวกเข้ามาสนับสนุนหุ้นเป็นรายบริษัทบ้าง จากการจัดประชุมให้ข้อมูลต่อนักวิเคราะห์หลังจากปิดงบการเงินไตรมาส2/63 ที่ส่วนใหญ่ประเมินว่ากันเป็นจุดต่ำสุดก่อนจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในครึ่งปีหลัง แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่ยังขาดปัจจัยบวกใหม่สนับสนุน ทำให้หุ้น Market Cap ไซส์ใหญ่ที่คำนวณในดัชนี SET50 ที่เป็นกลุ่มชี้นำตลาดฯ มีความเสี่ยงที่อาจเผชิญกับแรงขายระยะสั้น กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมีกรอบการฟื้นตัวที่ค่อนข้างจำกัด
ด้านมุมมอง บล.กสิกรไทย ประเมินแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 1,280 และ 1,270 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,315 และ 1,335 จุด ตามลำดับ
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (24-28 ส.ค.) ที่ 31.20-31.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮล (27-28 ส.ค.) สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน และสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนก.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2563 (ครั้งที่ 2) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.และสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วยเช่นกัน
https://youtu.be/7Y3JyOFHj3A