นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท จัดการทรัพย์สิน 3 โรงแรม
ล่าสุด ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต จาก บมจ. ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,716 ล้านบาท โดยจะจะนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ประกอบด้วย ที่ดินจำนวนประมาณ 34 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 12 อาคาร งานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรม จำหน่ายให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้มีการจัดตั้งขึ้น โดยจ จำหน่ายในช่วงราคา 2,700-2,750 ล้านบาท
และ เพื่อให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน บมจ.ดุสิต ไทยพร็อพเพอร์ตี้ส์ ซึ่งเป็นบริษัท ย่อยของบริษัทฯ จะจำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วยที่ดินจำนวนประมาณ 3 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 3 อาคาร งานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรม ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้น ในช่วงราคา 350-400 ล้านบาท
พร้อมกับจะนำทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน ซึ่งประกอบด้วย ที่ดินจำนวนประมาณ 63 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 6 อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรม ออกให้เช่าแก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้น โดยมีระยะเวลาเช่า 30 ปี และจำหน่ายกรรมสิทธิ์ ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้น โดยมีมูลค่ารวม 850-950 ล้านบาท
การนำโรงแรมทั้ง 3 แห่งเข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้กองทุนมีขนาดที่ใหญ่เพียงพอที่จะทำให้กองทุนรวมเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนทุกประเภท และทำให้สภาพคล่องของการซื้อขายดี อีกทั้งการเลือกโรงแรมที่อยู่ในทำเลที่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมโดยมีทรัพย์สินหลายแห่งอยู่ในกองทุนรวมเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัจจัยภายนอกที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แล้ว บริษัทฯ จะลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวไม่เกิน 1 ใน 3 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นช่วงมูลค่าประมาณ 1,300 - 1,370 ล้านบาท" นายชนินทธ์กล่าว
บริษัทฯ จะจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นเพื่อเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) รองรับการบริหารจัดการทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้น โดย SPV จะเช่า และ/หรือ เช่าช่วงทรัพย์สินดังกล่าว (แล้วแต่กรณี) จากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้น โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นใน SPV ไม่ต่ำกว่า 99.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ SPV นอกจากนี้ SPV ในฐานะผู้เช่าและดำเนินงานโรงแรม จะดำเนินการแต่งตั้งบริษัทฯ เป็นผู้บริหารจัดการโรงแรม เพื่อให้มั่นใจว่าสินทรัพย์โรงแรมสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในอัตราที่ต้องการ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และ บล. ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน