(เพิ่มเติม) TPOLY ตั้งกิจการร่วมค้า 2 แห่ง รองรับการเข้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 19, 2010 18:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) เปิดเผว่า บริษัทได้จัดตั้งกิจการร่วมค้า 2 แห่ง เพื่อประมูลงานโครงการต่างๆ จากเจ้าของโครงการ ซึ่งเป็น หน่วยงานของภาครัฐ และ/หรือ ภาคเอกชน

ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไทยโพลีคอนส์ เอส แอนด์ วี เป็นการร่วมตั้งกับบจก. เอส แอนด์ วี คอมมิวนิเคชั่น เซอร์วิส สัดส่วนร้อยละ 0.05 และ TPOLYสัดส่วน ร้อยละ 99.95 จัดตั้งเมื่อ 10 ก.ย.52 และ กิจการร่วมค้า ทีพีซี-เอสเค เป็นการร่วมตั้งกิจการร่วมค้าระหว่าง บจก. สยามกรกิจ ร้อยละ 30.00 และ TPOLY ร้อยละ 70.00 จัดตั้งเมื่อวันที่ 22 ก.ย.53

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ TPOLY กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกิจการร่วมค้าดังกล่าวเพื่อประมูลงานโครงการต่างๆ จากเจ้าของโครงการ ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นงานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารที่มีระบบสารสนเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง และงานก่อสร้างศูนย์กีฬา ที่กำหนดให้ผู้ยื่นประมูลต้องมีคุณสมบัติเป็น ผู้ที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างงานงานดังกล่าวครบถ้วนตามที่ผู้ว่าจ้างกำหนด

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังมีคุณสมบัติด้านงานดังกล่าวไม่ครบถ้วน ดังนั้นการจัดตั้งกิจการร่วมค้าจึงเข้ามาช่วยเสริมให้คุณสมบัติของบริษัทฯ ครบถ้วนเพื่อสามารถเข้าประมูลงานก่อสร้างได้ตามที่เจ้าของงานกำหนด

“สารสนเทศของภาครัฐ ซึ่งกำหนดให้ผู้ประมูลต้องมีความเชี่ยวชาญในงานด้านนี้ด้วย TPOLY จึงร่วมกับพันธมิตรคือเอส แอนด์ วี คอมมิวนิเคชั่น เซอร์วิส ที่มีความเชี่ยวชาญในงานประเภทดังกล่าวเป็นอย่างดีเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และจะเป็นส่วนที่เข้ามาช่วยเสริม ในงานที่ เตรียมจะเข้าไปประมูลแบบเฉพาะเจาะจงหรืองานที่มีลักษณะพิเศษต่อไป ส่วนกิจการร่วมค้า ทีพีซี-เอสเค จัดตั้งเพื่อรับงานก่อสร้างศูนย์กีฬา ซึ่งต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเชื่อว่าหลังจากนี้จะทำให้การประมูลงานในลักษณะดังกล่าวมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น"

ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3,900 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 43% และอีก 57% เป็นงานภาคเอกชนโดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 55 ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ เตรียมจะเข้าร่วมประมูลงานอีกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานดังกล่าวในสัดส่วน 25-30%

หากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้จะช่วยสนับสนุนให้งานในมือในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นทะลุ 4,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ เช่นเดียวกับรายได้ที่คาดว่าจะทำได้ 2,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ได้วางไว้เช่นเดียวกัน รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่เน้นรับงาน 6 กลุ่มหลัก ซึ่งประกอบด้วย 1. คอนโดมิเนียมและช้อปปิ้งมอลล์ 2. โรงพยาบาล 3. ปิโตรเคมี 4. โรงไฟฟ้า 5. สถาบันการศึกษา และ 6. งานปรับปรุงอาคารต่างๆ แบ่งเป็นการรับงานในภาครัฐ 43% และ 57 % เป็นงานภาคเอกชน

ส่วนในปี 54 คาดว่าจะผลักดันให้รายได้เติบโตจากในปีนี้ในอัตรา 20% จากการรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่ และการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตขนาด 9.5 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 700 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คาดว่าจะทำความเข้าใจหรือทำรายงานประชาคมกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยและขออนุญาตก่อสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนการก่อสร้างคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาส 3/55 และทยอยรับรู้รายได้เข้ามาปีละ 100 ล้านบาท จากการขายไฟฟ้าคืนให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ