โบรกฯหนุน "ซื้อ" DELTA คาด Q3/53 กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 22, 2010 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)(DELTA) มองบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยไตรมาส 3/53 จะมีการทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กว่า 1.4-1.5 พันล้านบาท รับผลสำเร็จธุรกิจใหม่ Solar inverter และมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเดิมหวังดันมาร์จิ้นสูงขึ้น

ส่วนไตรมาส 4/53 คาดว่ายอดขายจะลดลงตามฤดูกาล แต่ทั้งปี 53 มองบริษัทยังมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานผลิตสินค้าในต่างประเทศ เพื่อป้อนตลาดส่งออก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงมีแผนเปิดโรงงานใหม่ในไทยและอินเดียอีก เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่มีต่อเนื่อง คาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของผลประกอบการในปี 54

          โบรกเกอร์               คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.กรุงศรีอยุธยา            ซื้อ                        39.00
          บล.ซิกโก้                  ซื้อ                        39.00
          บล.ทรีนิตี้                  ซื้อ                        42.00
          บล.ยูไนเต็ด                ซื้อ                        38.50
          บล.ฟิลลิป                  ซื้อ                        38.50
          บล.เกียรตินาคิน             ซื้อ                        38.00
          บล.กิมเอ็ง                 ซื้อ                        35.00
          บล.เอเซียพลัส              ซื้อ                        40.00

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ผลดำเนินงาน DELTA ในช่วงไตรมาส 3/53 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและทำกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ โดยจะมีกำไรประมาณ 1.5 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 37% เทียบไตรมาสก่อน หรือเติบโต 65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเติบโตจากธุรกิจใหม่คือ Solar inverter ซึ่งบริษัทได้มีการคิดค้นวิจัยมาถึง 5 ปี นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มมูลค่าสินค้าเดิม เพื่อสร้างมาร์จิ้นสูงขึ้น รวมถึงการมีทีมด้านการขาย และระบบจัดซื้อที่เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะช่วยดันยอดขายบริษัทเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/53 มองว่ายอดขายบริษัทอาจจะลดลง เนื่องจากเป็นช่วงชะลอตัวของธุรกิจโทรคมนาคม รวมถึงยอดขายจากธุรกิจ Solar inverter อาจจะลดลงเนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว และบริษัทยังมี fix cost จากการเปิดโรงงานใหม่ที่ประเทศอินเดีย

แต่โดยรวมในปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 4,300 ล้านบาท เติบโต 19% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6-10% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 28.5% และปี 54 มีกำไร 4,900 ล้านบาท หรือเติบโต 28% มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 28% ทั้งนี้ไม่รวมโอกาสเติบโตของยอดขายจากโรงงานแห่งใหม่ที่อินเดีย และการทำตลาด Solar inverter ในเอเชียและสหรัฐ

ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนผลักดันการเติบโต และผลการดำเนินงานของบริษัทที่โดดเด่นอีก 2-3 ปี

“ปีนี้มองว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์มีการเติบโตอย่างเงียบๆ จะเห็นว่าหลายบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ในขณะที่เรามัวแต่กังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นจริงหรือไม่ และยังมีเรื่องเงินบาทแข็งค่าอีก ซึ่งในส่วนของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับผลกระทบเลย และ DELTA ยังเป็นหุ้น TOP PICK ที่เราแนะนำ"นายสิทธิเดช กล่าว

นักวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า DELTA จะมีกำไรไตรมาส 3/53 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 115% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากคำสั่งซื้อที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประโยชน์จากธุรกิจที่มี Operating Leverage สูง ทำให้ปี 53 คาดว่ากำไรจะเติบโต 30% และปี 54 กำไรเติบโต 52% เป็นหุ้นมีความน่าสนใจจากปันผลที่สูงถึง 10% และราคาที่ต่ำ PER เพียง 6.6 เท่า

รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการส่งมอบสินค้าที่ชะลอไปในช่วงไตรมาส 1/53 จากผลของการขาดแคลนวัตถุดิบ แต่บริษัทมีอำนาจการต่อรอง และขณะนี้ได้รับการจัดสรรวัตถุดิบที่เร็วกว่าผู้รับจ้างผลิตและประกอบรายย่อยอื่น นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์จ่ายไฟที่ใช้เทคโนโลยีสูง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูง

ฐานการผลิตที่มีในหลายภูมิภาคทั้งอินเดีย และยุโรปตะวันออกเพื่อส่งออกไปทั่วโลก ยังช่วยกระจายความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และยังช่วยลดภาะภาษีนำเข้า และลดต้นทุนค่าแรง อีกทั้งบริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มโรงงานในไทยอีก 2 แห่ง และในอินเดียอีก 2 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของคำสั่งซื้อและเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น

บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน มองว่า ทิศทางครึ่งปีหลัง 53 DELTA มีปัจจัยบวกจากความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายสินค้าใหม่ Solar inverter และผลด้านฤดูกาล High season ของสินค้ากลุ่ม Telecom power(DES) ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตเกือบ 30% จากครึ่งปีแรก โดยในไตรมาส 3/53 จะเป็นไตรมาสดีสุดของปี ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/53 ชะลอลงตามยอดขาย

ส่วนปี 54 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากสินค้า High margin กลุ่ม Solar, Telecom และ Auto ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสินค้า Low margin กลุ่ม PCIT, EMI components และ DC-Fan จะรักษาฐานยอดขายได้ใกล้เคียงกับปี 53 มองการสร้างยอดขายในธุรกิจใหม่ Solar inverter และ DC-FAN สำหรับรถยนต์ ซึ่งมีอัตรากำไรสูง อย่างไรก็ตามมองว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะมีความเสี่ยงสำคัญ คือ การขาดแคลนวัตถุดิบ IC และ เงินบาทที่แข็งค่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ