นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์(MILL) เปิดเผยว่า ในปี 53 มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัว 10% เมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้ความต้องการใช้เหล็กของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ แผนการเพิ่มทุนของบริษัท เพื่อนำไปใช้ลงทุนใน BRP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการกรีนมิลล์(Green Mill Project)โดยขณะนี้ได้เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/53 และจนถึงขณะนี้การก่อสร้างงานมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30-40% และเมื่อสามารถผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของ MILL เพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 20%
ทั้งนี้ ตามเป้าหมายของโครงการ Green Mill จะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 55 มีกำลังผลิต 500,000 ตัน/ปี โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังคงต้องนำเข้า billet อยู่ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงความขาดแคลนวัตถุดิบ จึงวางแผนลงทุนในโครงการนี้ขึ้น ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทคือ ลดต้นทุนการผลิต ป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนวัตถุดิบขยายผลิตภัณฑ์สินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ตรงตามความต้องการลูกค้ามากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในอนาคต
นอกจากนี้ โครงการ Green Mill จะช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตของบริษัท และสามารถนำเศษเหล็ก (Scrap) มาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์จากเศษเหล็กได้คุ้มค่า และช่วยลดการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต้องพึ่งพิงจากแหล่งวัตถุดิบในต่างประเทศ ที่สำคัญได้เลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นเทคโนโล ยีที่ช่วยในการประหยัดพลังงานอันจะช่วยลดมลภาวะที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตเดิม