TPC เผย Q3/53 กำไรสุทธิลดลง15% จากตุ้นทุนสต็อกสูง แม้รายได้เพิ่ม 18%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 26, 2010 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) และบริษัทย่อย เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/53 มีกำไรสุทธิ 444 ล้านบาท ลดลง 81 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือร้อยละ 15 ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนของสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และจากการให้บริการรวม 7,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1,239 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณขายที่เพิ่มสูงขึ้น สัดส่วนของรายได้จากการขาย มาจากธุรกิจพีวีซี ร้อยละ 70 จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพีวีซี ร้อยละ 28 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 2 ของรายได้จากการขายรวม ตามลาดับ

สัดส่วนรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวมร้อยละ 85 เป็นการขายของบริษัทในประเทศไทย ร้อยละ 15 เป็นการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ

ภาวะราคาขายตลาดพีวีซีโดยรวมในไตรมาสนี้สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการสูงขึ้นหลังจากเผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในปี 51 จนถึงต้นปี 52 ประกอบกับต้นทุนการผลิตพีวีซีของผู้ผลิตในจีนสูงขึ้น นอกจากนี้วีซีเอ็มซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีภาวะตึงตัวและราคาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาพีวีซีเฉลี่ยไตรมาส 3/53 อยู่ที่ US$ 893 ต่อตันสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซี่งมีราคาเฉลี่ย US$ 883 ต่อตัน

สาหรับราคาเอทธิลีนนั้นปรับลดลงถึงแม้ว่าราคาน้ามันดิบจะปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีอุปทานเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่จาก ตะวันออกกลาง จีน และ สิงคโปร์ โดยราคาเฉลี่ยในไตรมาส 3/53 อยู่ที่ US$ 903 ต่อตันลดลง US$ 127 ต่อตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ส่วนราคาอีดีซีค่อนข้างคงที่ที่ระดับ US$ 459 ต่อตัน ในไตรมาส 3/53 จากการปรับตัวของราคาขายและวัตถุดิบข้างต้นส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC — Ethylene เฉลี่ยอยู่ที่ US$ -10 ต่อตัน เพิ่มขึ้น US$ 137 ต่อตัน และส่วนต่างราคา PVC — EDC เฉลี่ยอยู่ที่ US$ 437 ต่อตัน เพิ่มขึ้น US$ 13 ต่อตันเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ยอดขายพีวีซีในประเทศเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/52 ตามความต้องการพีวีซีในประเทศที่ฟื้นตัว และยอดขายพีวีซีในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 3/52 ตามความต้องการพีวีซีในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

สาหรับผลการดาเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 21,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22 โดยมีกำไรสุทธิ 1,174 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27 ซึ่งเป็นผลจากกำไรจากการดาเนินงานที่ลดลง

ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.56 ซึ่งลดลงจากปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนเท่ากับ 0.61 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ