BCP เผยกำไร Q3/53 วูบหนัก เหตุไม่มีกำไร Hedging-ขาดทุนสต็อกน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 28, 2010 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางจากปิโตรดลียม (BCP) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/53 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทลดลงจาก 2,151 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52 เป็น 507 ล้านบาทในไตรมาส 3/53 เป็นผลมาจากการลดลงของรายการกำไรจากธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง (Oil Hedging) ซึ่งโดยปกติบริษัทฯจะพิจารณาเข้าทำธุกรรม Hedging ล่วงหน้าไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ในปี 52 สภาวะตลาดซื้อขายล่วงหน้าไม่เอื้ออำนวยในการเข้าทำธุรกรรม Hedging สำหรับปี 53 ทำให้ในปีนี้บริษัทฯจะไม่ได้รับกำไรจากการ Hedging มากดังเช่นปีก่อน

อีกสาเหตุหนึ่งมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 3/53 ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวในทิศทางขาขึ้น

งวด 9 เดือน ปี 53 กำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ลดลงเหลือจำนวน 1,724 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.47 บาท

ในไตรมาส 3/53 EBITDA จากการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจโรงกลั่นจำนวน 883 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 3 ปีก่อน 511 ล้านบาท เนื่องจากค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้น เมื่อรวมกำไรจาก Hedging และผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันแล้วจะมี EBITDA จำนวน 787 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 2,912 ล้านบาท

ไตรมาสนี้บริษัทฯ มีค่าการกลั่น(ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน)จำนวน 5.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีการใช้กำลังการผลิตที่ 88.0 พันบาร์เรลต่อวัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีค่าการกลั่น(ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน) 8.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และมีการใช้กำลังการผลิต 81.7 พันบาร์เรลต่อวัน

แต่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 0.55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/53 ตรงข้ามกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ราคาน้ำมันปรับตัวในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ไตรมาส 3/53 มีค่าการกลั่นอยู่ที่ 4.90 เหรีรยญต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3/53 ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 13.23 เหรียญ/บาร์เรล แต่สูงกว่าไตรมาสก่อนที่ติดลบ 8.33 เหรียญ/บาร์เรล

ส่วนอัตรากำไรสุทธิมีการปรับตัวตามความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และผันแปรตามค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยไตรมาส 3/53 งบการเงินรวมและงบเฉพาะบริษัทฯมีอัตรากำไรสุทธิ 1.57% และ 1.43% ตามลำดับ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 7.04% และ 7.08% สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของค่าการกลั่นรวมและค่าการตลาดดังที่ได้กล่าวไว้ในการวิเคราะห์กำไรขาดทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (งบการเงินรวม) ในไตรมาส 3/53 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 52 ปรับตัวลงลงจาก 8.94% เป็น 1.96%

อนึ่ง ในไตรมาส 3/53 ราคาน้ำมันดิบดูไบแกว่งตัวในกรอบแคบๆประมาณ 70-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาส

ในรมาส 3/53 บริษัทฯกลั่นน้ำมันเฉลี่ย 88.0 พันบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/52 ที่อยู่ที่ 81.7 พันบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงกลั่นสามารถดำเนินการผลิตในรูปแบบ Complex Refinery จากโครงการ PQI ที่เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.52 เป็นต้นมา

ด้านการจำหน่ามีปริมาณจำหน่ายรวม (ไม่รวมน้ำมันดิบและน้ำมันหล่อลื่น) เฉลี่ย 101.7 พันบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 101.0 พันบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นการจำหน่ายผ่านธุรกิจการตลาด 66.0 พันบาร์เรลต่อวัน สูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/52 ที่อยู่ที่ 60.6 พันบาร์เรลต่อวัน เมื่อพิจารณาการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันในไตรมาส 3/53 จากข้อมูลของกรมธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ