(เพิ่มเติม) PYLON รับงานก่อสร้างใหม่ 6 โครงการ 121 ลบ.เล็งเข้าประมูลอีกกว่า 600ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 1, 2010 15:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการยืนยันการจ้างงานก่อสร้างโครงการต่างๆ เพิ่มเติมจากที่แจ้งในครั้งก่อนจำนวนทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 121,468,267.50 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ได้แก่ โครงการ อาคารจอดรถรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สัญญา3) เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคารจอดรถ (งานเฉพาะค่าแรง) โดย PAR Joint Venture ระยะเวลาก่อสร้าง 80 วัน, โครงการ ฟิวส์ สาทร-ตากสิน เป็น งานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) บมจ. พฤกษาเรียลเอสเตท(PS) เป็นผู้ว่าจ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง: 60 วัน

โครงการ เรดิสัน พลาซ่า แบงคอก เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร บจ. จี แอนด์ พี แอสเซ็ท โฮลดิ้งเป็นผู้ว่าจ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง: 72 วัน, โครงการ แบงคอก เอาท์เลท เซ็นเตอร์ เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) บมจ. ไทยโพลีคอนส์เป็นผู้ว่าจ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง: 85 วัน

โครงการ เดอะ โคสท์ (อาคาร A-บางนา) เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ซี่งบจ. บีเคเค แกรนด์ เอสเตท เป็นผู้ว่าจ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง: 85 วัน และโครงการ เดอะ โคสท์ (อาคาร B-บางนา) เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ระยะเวลาก่อสร้าง: 85 วัน

นายบดินทร์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่รับงานใหม่เข้ามาทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 850 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ อยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานใหม่อีกมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานในสัดส่วน 30% ของมูลค่างานทั้งหมด เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในงานด้านเสาเข็มเจาะมายาวนาน มีศักยภาพในการรับงานเป็นอย่างดี จากความพร้อมทั้งในเรื่องบุคลากร เครื่องมือ และเงินทุน ประการสำคัญได้ฝากผลงานสำคัญในโครงการต่างๆ ไว้มากมาย สร้างความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าและพันธมิตรในธุรกิจได้ต่อเนื่อง

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3-4/53 คาดว่า มีโอกาสออกมาในทิศทางที่ดี เพราะได้รับปัจจัยบวกจากงานก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ซึ่งทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับรับรู้รายได้จากงานเดิมที่มีอยู่ในมือ ซึ่งคาดว่ารายได้ทั้งปีนี้บริษัทฯ มีโอกาสเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 596.83 ล้านบาท

สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ประกอบด้วย 1.งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) 2.งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) และ 3. งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall)

ส่วนปีหน้าจากที่งานโครงการขนาดใหญ่เริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ