นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/53 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรที่ดีต่อเนื่อง จากแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มเติม รองรับการขยายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศของภาครัฐ และการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีการให้บริการให้มีความทันสมัย ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวางระบบคอมพิวเตอร์และโครงข่ายสารสนเทศ ที่เข้าไปแข่งขันร่วมประมูลงานเพื่อรับงานเพิ่มมูลค่างานในมือเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มี 3,700 ล้านบาท โดยมูลค่างานในมือบางส่วนนั้น จะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/53
ทั้งนี้ มั่นใจว่า ภายในสิ้นปี 53 บริษัทจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท และสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นอีกปี
“ผลประกอบการที่ปรับตัวขึ้นมาจากศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งในการเข้าประมูลงานที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเครือข่ายสารสนเทศ โดยเฉพาะลูกค้าภาครัฐอย่างทีโอที และ กสท.โทรคมนาคม และจากรายได้และกำไรรอบ 9 เดือนที่ออกมา ทำให้มองภาพของปีนี้ได้ชัดเจนขึ้นแล้วว่า รายได้และกำไรตลอดทั้งปี 2553 นี้ จะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ของ AIT อีกครั้ง อันสะท้อนผลงานของผู้บริหาร และทีมงานที่มีประสิทธิภาพสูง" นายศิริพงษ์กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร AIT กล่าวอีกว่า รายได้หลักของบริษัทฯ ที่มาจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐและรัฐวิสหากิจ ก็ยังคงเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ เนื่องจากภาครัฐยังคงมีการขยายเครือข่ายระบบสารสนเทศเพื่อรองรับกับการให้บริการแก่ประชาชนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญในการวางระบบงาน และมีความมั่นคงด้านฐานะการเงิน ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าภาครัฐให้เข้าไปดำเนินงานติดตั้งระบบอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ผลประกอบการไตรมาสที่ 3/53(ก.ค.-ก.ย.53) ว่า จากงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,013.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 292.88 ล้านบาท คิดเป็น 40.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่บริษัทฯ มีรายได้รวม 720.56 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 56.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.80 ล้านบาท คิดเป็น 5.2% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 53.83 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 53 (ม.ค.-ก.ย.53) งบเฉพาะกิจการของ บริษัทฯ มีรายได้ 2,718.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.41 ล้านบาท คิดเป็น 4.88% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 2,591.93 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 243.18 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 3.87 บาท เพิ่มขึ้น 36.15 ล้านบาท หรือ 17.46% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 207.03 ล้านบาท