นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บมจ.แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี (HTECH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 /53 มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3/53 เนื่องจากธุรกิจขยายตัวโดดเด่นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่เติบโตแบบมีนัยสำคัญจากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งตลาดในและต่างประเทศ
บริษัทฯ เตรียมขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ลูกค้าในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งล่าสุด บริษัทฯได้ส่งแบบตัวอย่างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยานยนต์ให้ลูกค้าทดลองใช้บริการหลายราย และมีผลตอบรับที่ดี ส่งผลให้ขณะนี้ เริ่มมีคำสั่งซื้อในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากลูกค้าเข้ามาบ้างแล้ว และคาดว่าภายในไตรมาส4/53 น่าจะมีสัดส่วนลูกค้าจากอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการปี 53 จะเป็นไปตามเป้าหมาย รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปี 52 ที่มีรายได้ 245.33 ล้านบาท ขณะเดียวกันคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ไว้ที่ประมาณ 26% ได้สำเร็จ จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 54 ยังขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการของอุตสาหกรรมที่เติบโตทั้งธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จากการเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อุตสาหกรรมพบว่ามีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทฯ ต้องเพิ่มความสนใจและหันมาลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ และ อุตสาหกรรมเครื่องกลหนักมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในการรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอย่างดี
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยบริษัทฯ ได้วิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ลงสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าให้สินค้าปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเฉือนโลหะให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุด บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ HARD DISK DRIVE(HDD) โดยได้ทดลองทำต้นแบบสินค้าและเริ่มวางตลาดแล้วในบางผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการพัฒนาดังกล่าวพร้อมจำหน่ายเป็นทางการในช่วงไตรมาส 1/54 และจะรับรู้รายได้อย่างชัดเจนในปี 54 ซึ่งจะสะท้อนให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย
ผลประกอบการไตรมาส 3/53 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.53 บริษัทฯ มีรายได้รวม 99.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 73.84 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 25.54 ล้านบาท หรือ 34.58% ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 25.57 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.11 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 22.85 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 2.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.90%
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.53 บริษัทฯ มีรายได้รวม282.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 163.83 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 118.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 72.33% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 77.82 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.33 บาทเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42.05 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.20 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 35.77 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85.07%
ปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในงวดดังกล่าว มาจากยอดขายเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัท ประกอบกับต้นทุนการขายลดลง เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนกับยอดขาย เนื่องจากในไตรมาส3/52 ต้นทุนอยู่ในระดับสูง จากที่ไม่สามารถลดต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคาได้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 3/53 เพิ่มขึ้นเป็น 43.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2.38%