บมจ.ไทยคม (THCOM) ชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 3/53 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.53 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,633 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิรวม จำนวน 313 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 1,618 ล้านบาท ลดลง 220 ล้านบาท หรืออัตรา 12.0% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,838 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงของรายได้รวมเป็นผลมาจาก
ขณะที่ รายได้จากธุรกิจบริการดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับดาวเทียม 1,068 ล้านบาท ลดลง 106 ล้านบาท หรืออัตรา 9.0% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,174 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายอุปกรณ์ผู้ใช้ปลายทางไอพีสตาร์ (User Terminal:UT) ลดลง และจากการที่ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น สุทธิกับรายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้งานแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้น
รายได้จากธุรกิจให้บริการระบบโทรศัพท์ในต่างประเทศ 321 ล้านบาท ลดลง 194 ล้านบาท หรืออัตรา 37.7% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 515 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท หรืออัตรา 53.7% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 149 ล้านบาท เนื่องจากยอดจำหน่าย DTV ที่เพิ่มขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาท หรืออัตรา 5.5% เมื่อเปรียบเทียบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร มีจำนวน 444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220 ล้านบาท หรืออัตรา 98.2% จาก 224 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการบริหารและค่าใช้จ่ายทางการตลาดของธุรกิจดาวเทียม สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายทางการตลาดของธุรกิจโทรศัพท์ในประเทศลาวและกัมพูชา
นอกจากนี้ยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 32 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น 110 ล้านบาท มีต้นทุนการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อ จำนวนทั้งสิ้น 164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท หรืออัตรา 25.2% จาก 131 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนจากการจำหน่าย DTV ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ส่วนต้นทุนการให้บริการโทรศัพท์ 328 ล้านบาท ลดลง 38 ล้านบาท หรืออัตรา 10.4% จาก 366 ล้านบาทในไตรมาส 3/52 เนื่องจาก Mfone มีต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐบาลกัมพูชาที่ลดลงสอดคล้องกับรายได้ การลดลงของต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สถานีฐานและต้นทุน Interconnect Charge และการที่ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้น จึงทำให้ต้นทุนทั้งหมดในการให้บริการโทรศัพท์ในประเทศกัมพูชาเมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาทนั้นลดลงมากขึ้น ในขณะที่ LTC มีการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาซึ่งเป็นผลมาจากสินทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการขยายโครงข่ายโทรศัพท์ สุทธิกับการลดลงของต้นทุนการบริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติ
ต้นทุนในการให้บริการวงจรดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 931 ล้านบาท ลดลง 149 ล้านบาท หรืออัตรา 13.8% จาก 1,080 ล้านบาท ใน ไตรมาส 3/52 จากการที่ในไตรมาส 3/53 ไม่มีต้นทุนค่าเสื่อมราคาของดาวเทียมไทยคม 2 จากการตัดค่าเสื่อมราคาเต็มมูลค่าแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 52 และจากการลดลงของต้นทุนค่าอนุญาตให้ดำเนินการให้แก่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามการลดลงของรายได้ การลดลงของต้นทุนขายตามยอดขาย UT ที่ลดลง และการลดลงของต้นทุนค่าเบี้ยประกันภัยดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์)
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม มีทั้งสิ้น 31 ล้านบาท ลดลง 3 ล้านบาท หรืออัตรา 8.8% จาก 34 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52
ต้นทุนทางการเงิน จำนวน 119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท หรืออัตรา 6.3% จาก 112 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52 มีสาเหตุหลักจากดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ระยะยาว ในขณะที่ในไตรมาส 3/52 มีต้นทุนทางการเงินส่วนมากจากดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมของโครงการดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) และโครงการดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งได้มีการชำระเงินกู้ดังกล่าวที่เหลืออยู่เต็มจำนวนในไตรมาส 4/52
บริษัทฯ บันทึกภาษีเงินได้เป็นรายได้ในไตรมาส 3/53 ทั้งสิ้น 41 ล้านบาท ในขณะที่ บริษัทฯ มีภาระภาษีเงินได้ทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ในไตรมาส 3/52