บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/53 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ (ก่อนหักกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 18.8 ล้านบาท) จำนวน 36.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ (ก่อนหักกำไรส่วนของ ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 10.6 ล้านบาท) ในไตรมาสเดียวกันของปี 52 จำนวน 1,323.3 ล้านบาท
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 11,523.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9,246.4 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปี 52 เป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 11,238.8 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในไตรมาสเดียวกันของปี 52 ซึ่งมีจำนวน 9,178.6 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายเศษเหล็กจำนวน 283.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับยอดขายในไตรมาสเดียวกันของปี 52 ซึ่งมีจำนวน 67.8 ล้านบาท บริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 74.0 ล้านบาทสูงกว่ารายได้ในไตรมาสเดียวกันของปี 52 ซึ่งมี จำนวน 47.6 ล้านบาท
บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการก่อนการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 81.3 ล้านบาทเปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการก่อนการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 922.4 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปี 52 เนื่องจากสินค้าบางส่วนมีต้นทุนขายที่สูงกว่าราคาขาย
บริษัทโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือสุทธิจำนวน 337.7 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลดมูลค่าของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 287.0 นบาท และ 50.7ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 52 บริษัทโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือสุทธิจำนวน 658.5 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลดมูลค่าของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 60.6 ล้านบาท และ 593.7 ล้านบาท ตามลำดับ)
ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการหลังหักการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ จำนวน 256.4 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 52 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการหลังหักการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 1,580.9 ล้านบาท
รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และค่าตอบแทนผู้บริหาร ของบริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวน 257.2 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในไตรมาสเดียวกันของปี 52 จำนวน 150.8 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการขนส่ง สินค้าเพิ่มขึ้น
และบริษัทโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของวัตถุดิบจากการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ได้ตั้งไว้ ในไตรมาสสองของปี53 ทั้งจำนวนโดยมีมูลค่า 67.9 ล้านบาทในไตรมาสสามของปี 53 เนื่องจากบริษัทได้รับวัตถุดิบตามคำสั่งซื้อดังกล่าว ในไตรมาสสามของปี 53 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 216.1 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 211.0 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นๆ จำนวน 5.1 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายทางการเงินในไตรมาสเดียวกันของ ปี 52 จำนวน 201.3 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้น และระยะยาวจำนวน 194.4 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นๆ จำนวน 6.9 ล้านบาท) เป็นผลมาจากมีเงินกู้ระยะยาวเพิ่ม 340 ล้านบาท ในไตรมาสสามของ ปี 53 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น