นางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (TKS) เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 4/53 ผลประกอบการบริษัทมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3/53 เนื่องจากการขยายตัวในทิศทางที่ดีของธุรกิจบริหารคลังสินค้า งานพิมพ์ดิจิตอล และงานพิมพ์ Advance&Security เพราะเป็นงานที่รองรับความต้องการลดต้นทุนของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ธุรกิจบริหารคลังสินค้าของ TKS มุ่งให้ลูกค้าลดภาระเรื่องการจัดพิมพ์ จัดเก็บ และจัดส่งเอกสารทั้งหมด ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าไปบริหารคลังสินค้าให้กับธนาคารซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT)เพิ่มขึ้นอีกธนาคาร ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ดังนั้น เมื่อรวมกับธุรกิจการพิมพ์ที่เติบโตในทิศทางที่ดี และงานอื่นๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง งานพิมพ์แสตมป์ของ 7-ELEVEN จึงคาดว่าจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจการพิมพ์ในปีนี้ เติบโตได้ไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,001.65 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างระมัดระวังและต่อเนื่อง ทั้งการลดการสูญเสียของกระบวนการผลิต ลดต้นทุนการขนส่งและอื่นๆ หลังจากที่การย้ายโรงพิมพ์จากซอยเทพลีลา มาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาครทั้งหมดช่วยให้การควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นไปอย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/53 ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้
และหากรวมการรับรู้รายได้จากเงินปันผลในบริษัทร่วม คือ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ประมาณ 40% เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่นยิ่งขึ้น ดังนั้นในปีนี้หากคณะกรรมการจะพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินปันผล คาดว่าจะเป็นอัตราที่ดีตามกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากดังกล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/53 สิ้นสุด 30 ก.ย.53 บริษัทมีรายได้จากการขาย 280.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.88% จากปีก่อนที่ทำได้ 235.65 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนขายอยู่ที่ 223.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.25% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 197.71 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิประจำงวดไตรมาสที่ 3/53 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 39.55 ล้านบาท หรือ 207.54% จากปีก่อนที่ทำได้ 12.86 ล้านบาท
ขณะที่งวด 9 เดือนบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 847.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.18% จากปีก่อนที่ทำได้ 735.54 ล้านบาท ส่วนต้นทุนขายอยู่ที่ 676.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.28% จากปีก่อนที่มีต้นทุนขาย 618.89 ล้านบาท ส่งผลให้ในงวด 9 เดือนบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 115.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.49% จากปีก่อนที่ทำได้ 44.52 ล้านบาท และถือว่าสูงกว่ากำไรสุทธิในปี 52 ทั้งปีที่ทำได้ 52.67 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ารายได้ จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสะท้อนให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่นดังกล่าว โดยรายได้จากการขายในไตรมาส 3/53 เพิ่มขึ้น ในกลุ่ม Advance&Security และกลุ่ม Digital Printing และบริษัท สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร