ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า บมจ. ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูง พร้อมซื้อขายในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มเทคโนโลยี ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 26 พ.ย.นี้ หลังระดมทุน 644.10 ล้านบาท ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า SYMC
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท.เปิดเผยว่า SYMC ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศ ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) โดยให้บริการภายใต้แบรนด์"Symphony"
SYMC มีโครงข่ายหลักครอบคลุมทุกพื้นที่ในย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยโครงข่ายหลักตั้งอยู่บนสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำและปลอดภัยมีการควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถตรวจสอบเหตุขัดข้องให้ผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหนึ่งในธุรกิจเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะส่งเสริมและผลักดันให้เข้าจดทะเบียนมากขึ้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จึงมีความต้องการเงินทุนเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ
SYMC มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 17-19 พ.ย.53 จำนวน 72 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 8.80 บาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้พนักงานเมื่อวันที่ 15-19 ต.ค.53 จำนวน 3 ล้านหุ้น ในราคา 3.50 บาท รวมมูลค่าการระดมทุนครั้งนี้เท่ากับ 644.10 ล้านบาท เพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปขยายและปรับปรุงโครงข่าย สร้างศูนย์ปฏิบัติการสำรอง ชำระหนี้สถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
SYMC มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองตามกฎหมายโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SYMC 5 รายแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มปัณฑรสูตร ถือหุ้น 16.35% กลุ่มอัศวสุวรรณถือหุ้น 16.35% กลุ่มธนกิจสุนทร ถือหุ้น 8.17 % กลุ่มศรีศุภคณินทร์ ถือหุ้น 8.17 % และนายนิพล สุวรรณเชษฐ์ ถือหุ้น 8.17 %