บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) เปิดเผยว่า สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody's Investors Service และบริษัท S&P Rating จัดเครดิตบริษัท โดย Moody's Investors Service ได้ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ "Baa1" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพราะบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งเพราะมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากรายได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ และสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ค่าขายไฟฟ้าได้รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าเชื้อเพลิง ช่วยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
Moody's Investors Service ยังมองว่า อันดับเครดิต "Baa1" ยังแสดงให้เห็นถึงสถานะของบริษัทฯ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ กฟผ. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว และอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนความสัมพันธ์ของ บริษัทฯ และ กฟผ. ในฐานะที่ทั้งสององค์กรมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่ออุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าและพลังงานของประเทศด้วย
ด้าน S&P Rating ได้ประกาศอันดับเครดิตของบริษัทฯ ที่ระดับ "BBB" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึง บริษัทฯ มีรายได้ที่แน่นอนจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. รวมถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และมีนโยบายการเงินที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความเสี่ยงด้านการเงินในระดับค่อนข้างต่ำ เพราะมีกระแสเงินสดหมุนเวียนจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอมากกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการดำเนินงานและการลงทุนในกิจการร่วมค้าในโครงการต่างๆ รวมทั้งการลดภาระหนี้อย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 บริษัทฯ มีอัตราเงินสดจากการดำเนินงานต่อหนี้สินรวม (FFO/Total Debt) ที่ 42% และ อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt/Capital) ที่ 31% สำหรับสภาพคล่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 10,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินสดหมุนเวียนจากการดำเนินงานมากกว่า 7,000 ล้านบาท เทียบกับ ภาระหนี้สิน ประมาณ 4,000 ล้านบาท ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า S&P คาดว่า บริษัทฯ จะใช้เงินสดและเงินกู้ยืมระยะยาวในการขยายการลงทุน หากบริษัทฯ ยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขเงินกู้ S&P เชื่อว่า บริษัทฯ จะสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างดีจากตลาดการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ