นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) กำหนดเปิดเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 7-17 ธันวาคมนี้ มูลค่าหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท
พร้อมแต่งตั้งบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) และ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน และแต่งตั้งตัวแทนสนับสนุนการขาย คือ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) และธนาคารกรุงไทย (KTB) เพื่อจำหน่ายหน่วยลงทุนผ่านสาขาธนาคารทั่วประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ คาดผลตอบแทนที่เกิดจากการรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำ 4 ปีแรกที่ไม่น้อยกว่า 381 ล้านบาท/ปี ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สามารถเทียบเคียงได้กับอัตราผลตอบแทนผสมระหว่าง Freehold และ Leasehold ขอ งกองทุนรวมอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจจุดเด่นด้านทรัพย์สินที่ลงทุนใน 3 โรงแรมหรู ใน 3 ทำเลที่มีศักยภาพ ด้วยโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
กองทุนดังกล่าวจะลงทุนด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปีในโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน รวมมูลค่ากองทุนประมาณ 4,094 ล้านบาท โดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตราและอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่
กองทุน DTCPF นับเป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมกองทุนแรกที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายโรงแรม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ขนาดของกองทุนกว่า 4 พันล้านบาท ยังนับได้ว่าเป็นกองทุนประเภทโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผู้เช่าคือ บริษัท ดุสิต แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ DTC ถือหุ้น 99.99% จะเช่าทั้ง 3 โรงแรมจากกองทุน ด้วยค่าเช่าคงที่และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ลงทุน
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวว่า จุดเด่นของกองทุน นอกจากจะขึ้นอยู่กับศักยภาพของทรัพย์สินที่เข้าลงทุนแล้ว ทาง DTC ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน ยังรับประกันรายได้ค่า เช่าขั้นต่ำรายปีของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง สำหรับระยะเวลา 4 ปีแรกที่ไม่น้อยกว่า 381 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับขนาดกองทุน 4,094 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี หากนักลงทุนจะพิจารณาผลตอบแทนที่แท้จริงของกองทุนรวม DTCPF ที่นักลงทุนจะได้รับ ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกองทุน ค่าใช้จ่ายของกองทุน และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของโรงแรม (Renovation) ทั้งนี้ DTC จะวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในวงเงินค้ำประกันจำนวน 125 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่นักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ โดยกองทุนรวมคาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี
ขณะที่นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน กล่าวว่า การเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี จำนวน 4,094 ล้านบาทนั้น DTC จะเข้าร่วมถือหน่วยลงทุนในกองทุนประมาณ 30% ส่วนที่เหลือจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป
ที่ผ่านมาผลลัพธ์จากการสำรวจความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding process) สูงกว่าปริมาณหน่วยลงทุนที่จัดสรร ให้นักลงทุนสถาบันถึ ง 2.05 เท่า ในอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์อื่น ซึ่งโดยเฉลี่ยกองทุนแบบ Freehold จะให้ผลตอบแทนในอัตราประมาณ 7% ในขณะที่กองทุนแบบ Leasehold จะให้ผลตอบแทนประมาณ 9% (ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนทรัพย์สินของ DTCPF ระหว่าง Freehold และ Leasehold ที่ประมาณ 76% และ 24% ผลตอบแทนจากการลงทุน DTCPF จึงน่าจะใกล้เคียงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนอสังหาริมทรัพย์อื่นดังกล่าวแต่ด้วยขนาดของกองทุนที่ใหญ่เพียงพอ น่าจะทำให้สภาพคล่องของการซื้อขายดีกว่ากองทุนขนาดเล็กกว่า