โบรกฯหนุน"ซื้อ"PS ปีหน้าเปิดตัวกว่า 70 โครงการ-ชูจุดแข็งขายเร็วโอนเร็ว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 24, 2010 15:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องหนุน"ซื้อ"บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)มองธุรกิจยังแข็งแกร่งเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปี 53 เปิดโครงการใหม่ถึง 72 โครงการ คาดยอดพรีเซลมากถึง 40,000 ล้านบาท จากการมีจุดแข็งของโครงการที่ขายเร็วโอนเร็ว ส่วนกำไรคาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน หรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการขายและการบริหารเพิ่มขึ้น

ส่วนปี 54 บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ตามแผนคาดว่ามีการเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 70 โครงการ นอกจากนี้ ยังมี backlog จำนวนมากที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีกำไรเติบโตต่อเนื่องได้

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในปีหน้าที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เริ่มมีการออกมาตรการมาดูแล อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคได้

          โบรกเกอร์               คำแนะนำ            ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เกียรตินาคิน              ซื้อ                    25.00
          บล.ฟาร์อีสท์                 ซื้อลงทุน                26.30
          บล.กิมเอ็ง                  ซื้อ                    25.80
          บล.ไอร่า                   ซื้อ                    27.60
          บล.ธนชาต                  ซื้อ                    27.00
          บล.บัวหลวง                 ซื้อ                    30.00
          บล.ยูไนเต็ด                 ซื้อ                    25.00

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ยังแนะซื้อ PS เมื่อราคาอ่อนตัวลง โดยมองธุรกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ไตรมาส 3/53 จะมีกำไรสุทธิ 359 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 45% ซึ่งมาจากรายได้การขายที่ลดลง แต่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น แต่ไตรมาส 4/53 น่าจะมีการรับรู้รายได้มากขึ้น และน่าจะเป็นไตรมาสที่เติบโตได้มากที่สุดของปี

ขณะที่ทั้งปี 53 มองว่าบริษัทจะมียอดพรีเซลกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ เนื่องจากปีนี้บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากถึง 72 โครงการ แต่กำไรสุทธิปีนี้คาดว่าอยู่ที่3,439 ล้านบาท ชะลอลงจากปี 52 ที่มีกำไร 3,600 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีที่ได้รับอานิสงก์จากมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์เต็มที่มากกว่า

อย่างไรก็ตาม ในปี 54 มองธุรกิจยังเติบโตได้ดี เนื่องจากบริษัทยังมีการเปิดตัวโครงการใหมๆ รวมถึง backlog ที่จะรับรูรายได้ในปีหน้ากว่า 12,000 ล้านบาท แต่คงต้องติดตามยอดพรีเซล รวมถึงแผนการเปิดโครงการ

ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีหน้า คืออัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น รวมถึงมาตรการภาครัฐที่จะมาควบคุมปัญหาฟองสบู่ รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม

ขณะที่แผนการลงทุนในต่างประเทศของบริษัท แม้จะเป็นโครงการระดับกลางและบนเป็นหลัก แต่รายได้หลักของบริษัทยังมาจากการขายในประเทศ ขณะที่ความเสี่ยงการลงทุนต่างประเทศนอกจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ลงทุนแล้ว ต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนและหลักเกณฑ์ต่างๆของรัฐบาลของประเทศนั้นๆด้วย

นายณรงค์ศักดิ์ สนเผือก นักวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ มองยอดการขายของบริษัทยังคงโดดเด่น แม้ไตรมาส 3/53 จะมีกำไรชะลอลงก็ตาม ทั้งปี 53 คาดว่า PS น่าจะมียอดพรีเซลได้ในระดับ 38,000-40,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้บริษัทยังมีจุดแข็งของโครงการที่เป็นโครงการแนวราบที่ขายเร็วโอนเร็ว ทำให้มี backlog สูง ทำให้คาดว่าปี 54 ยอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ 27,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีแรงกดดันจากความกังวลของภาวะฟองสบู่ ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นลดลงช่วงที่ผ่านมาสวนทางการยอดขายที่ยังเติบโตได้ดี

บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ออกบทวิเคราะห์ว่า PS มียอด Presale ล่าสุดโดดเด่นใกล้เคียงมูลค่า 40,000 ล้านบาทโดยเติบโตจากปีก่อน 74% yoy จากการเปิดโครงการใหม่ 72 โครงการมูลค่า 42,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 22,848 ล้านบาท เติบโต 20.5% แต่กำไรสุทธิยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร การจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ จึงคาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน 0.2% หรือประมาณ 3,630 ล้านบาท

ส่วนปี 54 จากแผนที่บริษัทจะเปิดโครงการ 70 โครงการ มูลค่า 40,000-50,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดพรีเซล 42,000 ล้านบาท จึงคาดว่ารายได้ PS ในปี 54 อยู่ที่ 28,300 ล้านบาท เติบโต 23.9% โดยคาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 4,393 ล้านบาท เติบโต 21%

และจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดจะเริ่มมีผลต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระดับกลางและล่าง โดยทุก ๆ 1% ที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นคาดจะส่งกระทบต่ออัตราการผ่อนเพิ่มขึ้นประมาณ 8% ขณะที่ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์คาดจะทำให้อัตราการกู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การปรับค่าแรงขั้นต่ำและแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นคาดจะเพิ่มต้นทุนการผลิตและสร้างแรงกดดันต่อการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ