โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO)จากศักยภาพการเติบโตของยอดขายและอัตราการทำกำไร โดยพื้นฐานการเงินที่ยังแข็งแรง คาดว่าไตรมาส 4/53 การทำกำไรจะทำสถิติใหม่ที่ 468 ล้านบาท และทั้งปี 53 กำไรไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท จากยอดขายต่อสาขาที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนปี 54 การทำกำไรและยอดขายของบริษัทยังเติบโตได้ดี จากการที่บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 4 แห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง และการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ที่ช่วยเพิ่มมาร์จิ้น ประกอบกับ นโยบายของรัฐบาลปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและค่าแรงงานยิ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจจากดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น อาจเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องต่อยอดขายได้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กิมเอ็ง ซื้อ 10.80 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 11.00 บล.ฟิลลิป ซื้อ 11.30 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 10.50 บล.เคจีไอ ซื้อ 10.20
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะซื้อหุ้น HMPRO และปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร โดยมองฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตของยอดขายและอัตราการทำกำไร คาดว่าในไตรมาส 4/53 บริษัทจะทำกำไรสูงสุดเป็นสถิติใหม่ที่ 468 ล้านบาท หรือขยายตัว 17% yoy จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 13% หรือคิดเป็น 6,513 ล้านบาท
และทั้งปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1,567 ล้านบาท เติบโต 37% yoy จากปัจจัยจากยอดขายต่อสาขาที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ และการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand โดยคาดว่าจะมียอดขายรวม 23,806 ล้านบาท
ส่วนปี 54 คาดว่า บริษัทยังจะเติบโตได้ต่อเนื่อง คาดว่ามีกำไรสุทธิ 1,804 ล้านบาท และมียอดขาย 27,564 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ 4-5 แห่ง และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand อีก 2-3% ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรมากขึ้น
“ในปี 54 มองว่าจากมาตรการที่รัฐบาลปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ การขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน แต่มองว่าไม่ได้เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทมากนัก แต่ปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทก็อาจจะมีที่บางกระแสมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัว"นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว
นางสาวอังคณา ตั้งวิกรมไกร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า พื้นฐาน HMPRO ยังน่าลงทุนอยู่ และยังเป็นหุ้นเด่นที่แนะ“ซื้อ"ในกลุ่มค้าปลีก มองว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังมีค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทจะได้รับผลดีจากมาตรการรัฐบาลในการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ
อย่างไรก็ตาม แม้พื้นฐานโดยรวมยังดี แต่มองว่าขณะนี้เริ่มมีแรงกดดันต่อการดำเนินธุรกิจ จากดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์
นางสาวมินทรา รัตยาภาส บล.เกียรตินาคิน ออกบทวิเคราะห์แนะ“ซื้อ"เป็นหุ้น laggard ในกลุ่มค้าปลีก มี Upside 28% โดยบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีจากความเป็นผู้นำตลาด Modern trade สินค้าเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีอำนาจต่อรองและได้เครดิตจาก Supplier ทำให้มีสภาพคล่องสูง
ทั้งนี้ แม้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะถูกกดดันจากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่มองว่าไม่กระทบโดยตรงต่อการเติบโตของยอดขาย HWPRO มากนัก เนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่สัดส่วน 65-70% มาจากกลุ่มลูกค้าบ้านเก่า จึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุน
ในปี 54 HMPRO ตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่ม 4-5 สาขา จากปัจจุบัน 40 สาขา ส่วนใหญ่เป็นสาขาต่างจังหวัด และยังตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนสินค้า House brand ขึ้น 2-3% จาก 15.8% ในปี 53 โดยทุก 1% ของสัดส่วนสินค้า House brand ที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่ม Gross margin ประมาณ 0.1%
ประกอบกับ จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ขณะที่ราคาสินค้าได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และจะส่งผลบวกต่อ Same store sales จึงคาดว่า ปี 54 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปี 53 และประมาณการเงินปันผลปี 54 อัตราหุ้น 0.25 บาท(yield 2.9%)
สำหรับแผนการขยายสาขาในประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการลงทุนในครึ่งปีหลัง 54 เบื้องต้นมองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตในระยะยาว และเพิ่ม upside ให้กับมูลค่าเหมาะสม