บริษัท เจวีเอส ที่ปรึกษาการเงิน จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมของบมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เพอร์เฟค (EARTH) หรือ ผู้ทำคำเสนอซื้อ ได้ยื่นความประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของ EARTH ในราคาหุ้นละ 0.30 บาทนั้น ทีปรึกษาการเงินอิสระ มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นควรตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ในครั้งนี้
เนื่องจากราคาเสนอซื้อที่ 0.30 บาทต่อหุ้นถึงแม้จะเป็นราคาต่ำสุดของราคาประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ แต่ก็อยู่ในช่วงของราคาที่เหมาะสม (0.30 - 0.43 บาทตอหุ้น) นอกจากนี้ความเสี่ยงและปัจจัยด้านอื่นๆมีทั้งบวกและลบ ซึ่งยังไม่มีน้ำหนักพอที่เปลี่ยนความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินไปในทางอื่น
เหตุผลที่สมควรจะตอบรับและ/หรือเหตุผลที่สมควรปฏิเสธคำเสนอซื้อความเหมาะสมของราคาเสนอซื้อนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นของ EARTH โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ วิธีมูลค่าตามบัญชี (Book Value Approach) วิธีปรับมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Adjusted Book Value Approach) วิธีเปรียบเทียบกับกลุ่ม บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Market Comparable Approach) และวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ (Present Value of Free Cashflow Approach) โดยที่ปรึกษาทางการเงินมีความเห็นว่าราคาที่เหมาะสมของหุ้น EARTH อยู่ ระหว่าง 0.30 - 0.43 บาทต่อหุ้น
ส่วนโยบายและแผนธุรกิจต่อการดำเนินงานของ EARTH ที่เสนอโดยผู้ทำคำเสนอซื้อ ที่ปรึกษาทางการเงินเห็นว่าการเข้าลงทุนของผู้ทำคำเสนอซื้อจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำคัญต่อ EARTH ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจหลักของกิจการของบริษัทไปเป็นธุรกิจแปรรูปและจำหน่ายถ่านหิน อยู่ในหมวดพลังงาน ซึ่งผู้ทำคำเสนอซื้อมีความชำนาญ จะทำให้บริษัท EARTH มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น บริษัทมีรายได้มากขึ้นและมีโอกาสทำกำไรตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดีขึ้น
และผู้ทำคำเสนอซื้อและบริษัทมีนโยบายและจะร่วมกันที่จะดำเนินการแก้ไขให้หลุดพ้นจากเหตุแห่งการเข้าข่ายถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และปรับปรุงคุณสมบัติของบริษัทให้ได้ตามเกณฑ์การดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน
ที่ปรึกษาทางการเงินมีความเห็นว่านอกจากนโยบายนี้จะเป็นแนวทางที่จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นแล้ว และยังเป็นดำเนินการให้มีการปฏิบัติของการกำกับดูแลกิจการที่ดี การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การเปิดเผยข้อมูล การระมัดระวังในเรื่องการทำรายการระหว่างกันหรือการทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ฯ และการวางระบบการตรวจสอบให้ดีขึ้น จะเป็นผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นของ EARTH ในระยะยาว
ส่วนแผนงานและนโยบายการบริหารของผู้ทำคำเสนอซื้อจะสามารถเสริมสร้างความมั่นคงแก่ EARTH โดยจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจและจะเป็นการเสริมสร้างสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม แผนนโยบายของผู้ทำคำเสนอซื้อที่กล่าวข้างต้นนั้นอาจมีความเสี่ยงอันเนื่องจากปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทย การผันผวนของราคาพลังงานในประเภทต่างๆในตลาดโลก ตลอดจนนโยบายราคาพลังงานของรัฐบาลในประเภทต่างๆ
ขณะที่ธุรกิจพลังงานมีการแข่งขันที่สูง ประกอบกับ EARTH ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็ก (รวมถึงคู่แข่งโดยตรงเช่น UMS และ AGE) การเติบโตของธุรกิจในอนาคต อาจจะต้องมีการลงทุนมากขึ้นเช่นการเข้าไปธุรกิจทำเหมืองถ่านหินโดยตรง แทนที่จะต้องพึ่งพิงการนำเข้าเพียงอย่างเดียว
และการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานที่ 2 ที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดอยุธยามีความเสี่ยงการขยายธุรกิจของบริษัทไปทางภาคกลางและภาคตะวันตก ทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิตค่าขนส่ง และการตลาด ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ถือหุ้น เหล่านี้เป็นปัจจัยเชิงบวกของบริษัท
แต่ผลกระทบในเชิงลบ ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารงาน จากการที่ปัจจุบันผู้ทำคำเสนอซื้อจะถือหุ้น EARTH มากกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ EARTH ทำให้ผู้ทำคำเสนอซื้อสามารถควบคุมมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นผู้ถือหุ้น รายย่อยอื่นๆจะไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อการตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารงานได้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมของ EARTH ได้ทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้เป็นจำนวน 222,712,575 หุ้น หรือร้อยละ 10.02 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้ว และของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ระยะเวลารับซื้อได้ขยายเป็นระยะเวลารับซื้อรวมทั้งสิ้น 35 วันทำการ หรือตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554