SSI เผยกำไรปี 53 สูงขึ้นจากปี 52 จากรายได้โต-กำไรขั้นต้นพลิกเป็นบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 26, 2011 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) แจ้งผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ (ก่อนหักกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 85.6 ล้านบาท) จำนวน 2,553.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ (ก่อนหัก กำไรส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 41.2 ล้านบาท) ของปี 2552 จำนวน 1,314.4 ล้านบาท

บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 47,790.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 33,188.0 ล้านบาทของปี 2552 โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 47,085.9 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 32,887.6 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20

นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายเศษเหล็กจำนวน 699.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับยอดขายของปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 300.2 ล้านบาท บริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 298.7 ล้านบาทสูงกว่ารายได้ของปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 228.3 ล้านบาท

บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการ ก่อนบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 3,982.2 ล้านบาท เปรียบเทียบกับขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ ก่อนการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 2,311.2 ล้านบาท ของปี 2552 เนื่องจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเช่นกัน

บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 241.9 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 204.1 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีรายได้อื่นจำนวน 221.1 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 169.6 ล้านบาท)

บริษัทมีบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือสุทธิจำนวน 4.9 ล้านบาท (ซึ่งรวมโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของวัตถุดิบจำนวน 5.4 ล้านบาท และ ค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าสำเร็จรูปจำนวน 10.8 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับปี 2552 บริษัทโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือสุทธิจำนวน 5,373.2 ล้านบาท (ซึ่งรวมโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 3,230.0 ล้านบาท และ 2,142.9 ล้านบาท ตามลำดับ)

ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการหลังหักบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจำนวน 3,977.3 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการหลังหักการโอนกลับบัญชีค่าเผื่อการลดมูลค่าของ สินค้าคงเหลือจำนวน 3,062.0 ล้านบาท

ในปี 2552 บริษัทตั้งสำรองผลเสียหายจากคดีฟ้องร้อง 2 คดีจำนวน 11.8 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยคดีที่บริษัทถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมในคดีแพ่ง ที่บริษัทตัวแทนจัดส่งสินค้าออกใบตราส่งสินค้าไม่ถูกต้อง จำนวน 7.7 ล้านบาท และคดีที่บริษัทถูกกรมป่าไม้ฟ้องร้องคดีแพ่ง ในข้อหาละเมิด จำนวน 4.1 ล้านบาท)

ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 848.3 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่าย สำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 826.4 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นๆ จำนวน 21.9 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายทางการเงินของปี 2552 จำนวน 1,020.1 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 993.2 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นๆ จำนวน 26.9 ล้านบาท) เป็นผลมาจากทั้งอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยและเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ