บมจ.โพลีเพล็กซ์(PTL)ชี้แจงผลประกอบการงวดปี 53 สิ้นสุด 31 ธ.ค.53 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,436.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,176.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 452.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้จากการขายรวม 3,184.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,803.5 ล้านบาท จากปี 52 หรือคิดเป็น 76.7% เป็นไปตามสถานการณ์ตลาดที่เอื้ออำนวย และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย อีกทั้งโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม CPP ใหม่ในประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับสูง
ขณะที่รายได้อื่นเพิ่มขึ้นเท่ากับ 47.4 ล้านบาท จาก 25.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้อื่นเพิ่มสูงขึ้นจากบริษัทย่อยในตุรกี เนื่องมาจากการได้รับชำระค่าเรียกร้องจากการประกันภัยของเดือน ส.ค.52 ได้ชดเชยการลดลงของอัตราเงินชดเชยการส่งออกในประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขอเงินชดเชยจากการส่งออกของบริษัท โดยแผ่นฟิล์มทุกชนิดที่บริษัทขายจะได้รับเงินชดเชยลดลงจาก 2.4% เป็นร้อยละ 0.68% ของราคา FOB และเม็ดพลาสติกลดลงจาก 1% เป็น 0.75% ของราคา FOB
บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 31.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 20.5 ล้านบาท จากการปรับมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์สกุลเงินเหรียญสหรัฐของบริษัทย่อยในตุรกี
ด้านค่าใช้จ่ายรวม ทั้งต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและค่าตอบแทนผู้บริหาร จำนวน 1,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 201.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.8% การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการขาย เนื่องมาจากปริมาณการผลิตทีเพิ่มขึ้น และเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่
ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 4.5% เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ,ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน, ค่าตอบแทนผู้บริหารลดลง 3.8% ดังนั้น สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้ลดลงจาก 85% เป็น 54.3% เนื่องจากราคาขายเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนอื่น ๆ ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้อื่นที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้ส่งผลให้สัดส่วนของค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อรายได้ทั้งหมดลดลงในไตรมาสปัจจุบัน
ขณะที่ต้นทุนทางการเงินรวมระหว่างงวดเท่ากับ 23.5 ล้านบาท ลดลง 3.3 ล้านบาท หรือลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
เมื่อรวมผลจากปัจจัยข้างต้นคือราคาขายเพิ่มขึ้น ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น และรายได้อื่น ๆ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และสัดส่วนของค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลง ส่งผลให้กำไรรวมสำหรับไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 1,176.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 452.9% ความสามารถในการทำกำไรรวมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 14.1% เป็น 44%