SIRI เผย Q1/54 เตรียมเปิด 5 โครงการแนวราบ ตั้งเป้ายอดขาย 3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 15, 2011 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า แนวโน้มของตลาดบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงวางแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงไตรมาส 1/54 จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 5,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,400 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบในช่วงไตรมาส 1/54 ประมาณ 3,000 ล้านบาท

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการ “เศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์ — แจ้งวัฒนะ" มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 276 ยูนิต โดยเปิดขาย Pre—Sale เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า โดยขณะนี้มียอดขายก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกว่า 40% จากจำนวนยูนิตที่เปิดขาย เนื่องจากลูกค้าให้ความสนใจกับแนวคิดการออกแบบใหม่เป็นอย่างดีรวมถึงตัวโครงการยังตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพด้านการคมนาคมที่รองรับชีวิตเมืองได้อย่างลงตัว

โครงการเศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ที่นำเสนอจุดขายที่โดดเด่นด้วยสไตล์ “ไทยซีรีย์" กับแบบบ้านภายใต้คอนเซ็ปต์“Living in the New Era of Thai Architecture"ขนาดตั้งแต่ 54-142 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 170-318 ตารางเมตร บนทำเลที่อยู่อาศัยที่รองรับความต้องการย่านถนนชัยพฤกษ์ โดยบริษัทได้จัดกิจกรรม Pre-Opening มอบโปรโมชั่นเปิดบ้านยูนิตใหญ่โซนหน้าสวน ดีไซน์ใหม่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5.99 ล้านบาท พร้อมรับแพ็คเกจทัวร์ยุโรป 9 วัน รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท ก่อนการเปิดตัวการขายอย่างเป็นทางการ (Grand Opening) ในช่วงปลายเดือน พ.ค.54

นายเมธา กล่าวว่า จากสถานการณ์ตลาดบ้านเดี่ยวตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลัง 53 พบว่า จำนวนอุปทานและอุปสงค์โดยรวมเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยตลาดบ้านเดี่ยวในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจ กับตลาดแนวราบเพิ่มมากขึ้น อาจเป็นเพราะการขยายตัวของระบบคมนาคมในแถบชานเมืองรอบนอกกรุงเทพฯ ที่ส่งผลให้ความต้องการ ในตลาดบ้านเดี่ยวแถบชานเมืองเพิ่มขึ้น

ประกอบกับ มาตรการ LTV ใหม่ของ ธปท. ที่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 2 ปีนับจากนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับความต้องการบ้านที่เริ่มมีแนวโน้มเติบโต ซึ่งคาดว่าหากอัตรายอดขายเป็นไปได้ในลักษณะนี้จะทำให้จำนวนยูนิตคงค้างสามารถดูดซับได้หมดภายในระยะเวลา 7 เดือน และคาดว่ายังมีจำนวนอุปทานใหม่เตรียมเสนอขายอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูนิต ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ