บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH)และ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) รายงานผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้มีมติเห็นชอบแผนการควบรวมกิจการกันโดยร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา KBC Advance Technology Pte. Ltd. ทำการศึกษาการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรวมธุรกิจในระยะสั้น (Synergy) สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเติมได้ประมาณ 80 -154 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี โดยใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสร้างระบบท่อรับส่งผลิตภัณฑ์ระหว่างกัน รวมทั้งปรับปรุงอุปกรณ์สนับสนุนต่าง ๆ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของ Synergy อยู่ที่ประมาณ 1,055 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยใช้อัตราคิดลดที่ร้อยละ 10 ตลอดอายุโครงการประมาณ 15 ปี
การควบบริษัทจะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ PTTCH และผู้ถือหุ้นของ PTTAR ที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทดังกล่าว ณ วันหรือเวลาที่จะกำหนดกันต่อไป โดยจะจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราส่วนดังนี้
1 หุ้นเดิมใน PTTCH ต่อ 1.980122323 หุ้นในบริษัทใหม่
1 หุ้นเดิมใน PTTAR ต่อ 0.501296791 หุ้นในบริษัทใหม่
ในการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ PTTCH และผู้ถือหุ้นของ PTTAR ดังกล่าว หากมีเศษหุ้นที่เกิดขึ้นจากการคำนวณตามอัตราส่วนดังกล่าวมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 หุ้นจะมีการปัดเศษหุ้นนั้นขึ้น ในกรณีที่เศษหุ้นนั้นน้อยกว่า 0.5 หุ้น จะมีการปัดเศษหุ้นนั้นทิ้งและบริษัทใหม่จะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้รับจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่เฉพาะในส่วนของเศษหุ้นที่ถูกปัดทิ้งนั้น ในราคาและภายในเวลาที่จะมีการกำหนดกันต่อไป ทั้งนี้อาจจะมีการพิจารณารายละเอียดและหลักการในการปัดเศษหุ้น เพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสมต่อไป
พร้อมกันนั้นจะมีการโอนบัตรส่งเสริมการลงทุนของบริษัทฯ ให้แก่บริษัทใหม่ และให้เสนอเรื่องการโอนบัตรส่งเสริมการลงทุนของบริษัทฯ ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเพื่อพิจารณาต่อไป
และอนุมัติแต่งตั้งบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นในการพิจารณาลงมติเกี่ยวกับการควบบริษัท ขณะที่บมจ. ปตท. (PTT) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ที่ได้แสดงเจตจำนงในการเป็นผู้รับซื้อหุ้นของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัทที่คัดค้านการควบบริษัท ในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งสุดท้ายก่อนวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2554 ของบริษัทฯ ทั้งนี้ ราคารับซื้อจะไม่เกินกว่า 150 บาทต่อหุ้น
สำหรับเหตุผลในการควบรวมเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการสร้างศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรวมธุรกิจ (Synergy)และที่สำคัญการควบบริษัทยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคตโดยบริษัทใหม่สามารถต่อยอดธุรกิจเพื่อครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงยิ่งขึ้น ซึ่งจะเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทใหม่ และทำให้บริษัทใหม่มีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนำมาซึ่งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทดังกล่าวจะถือเป็น Petrochemical Flagship ของกลุ่ม ปตท.