นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 1/54 มีโอกาสออกมาในทิศทางที่ดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อของลูกค้าทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งศูนย์การค้า ร้านค้าต่างๆ โรงแรมและอาคารพาณิชย์อื่นๆ ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างในอาคารดังกล่าวเติบโตในทิศทางเดียวกันอีกด้วย
บริษัทยังมีงานในมือ(Backlog) อยู่ที่ 600 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ LED ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่าง ต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ในขณะที่ตลาดส่งออกเริ่มมีการเติบโตชัดเจนยิ่งขึ้น
"ภาพรวมของ L&E ในไตรมาส 1 ปีนี้ มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะภาพรวมของทุกอย่างดีขึ้น สินค้าต่างๆ ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมีออเดอร์ใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ยอดขายเพิ่มขึ้น ในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก ทั้งการจัดจำหน่ายผ่านโครงการ, การขายส่ง ขายปลีกและการส่งออก ในขณะที่สินค้าใหม่ LED ก็ได้รับการตอบรับที่ดี และประการสำคัญสินค้าประเภทนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าสินค้ากลุ่มอื่น"นายปกรณ์ กล่าว
เขากล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทฯ เตรียมขยายการส่งออกสินค้าโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างเข้าไปยังตลาดอาเซียนมากขึ้น เพื่อผลักดันให้สัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 8% จากปี 53 ที่ทำได้ในสัดส่วน 6% เพราะปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจำหน่ายสินค้า LED ให้กับลูกค้ารายใหม่ในเวียดนาม มูลค่า 30 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในไตรมาส 3/54 จะทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวได้
นอกจากนี้ จะมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดงานโครงการ ด้วยการควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อย่างคล่องตัว เพิ่มจำนวนสินค้าที่มีคุณภาพให้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี LED ตลอดจนขยายตลาดค้าส่งและค้าปลีกให้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่าเดิม และเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้สูงขึ้น หลังจากที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าในต่างประเทศเริ่มตอบรับสินค้าและบริการของบริษัทฯ เป็นอย่างดี ทำให้สามารถได้งานประมูลเข้ามาแล้วหลายโครงการ
ทั้งนี้ เชื่อว่าในปี 54 บริษัทฯ จะสร้างรายได้ให้เติบโต ที่อัตรา 10-15% จากปี 53 ที่ทำได้ 1,623 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปี 53 ที่ระดับ 26-27% โดยบริษัทฯ จะพยายามลดต้นทุนในการดำเนินงานและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้