บมจ.เพาเวอร์-พี(POWER)เปิดเผยว่า แม้ว่าเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ในการซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท กับบริษัท ไวโอเล็ต โกลด์ มารีน จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่สนใจรายใหม่ แต่ปัจจุบันก็ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลและการเจรจาต่อรอง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่บริษัท ไวโอเล็ต โกลด์ มารีน จำกัดจะสำเร็จหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 บริษัทได้ติดต่อนักลงทุนอีก 2 ราย ได้แก่ นายธนานันท์ เหลืองเรืองธนา และ ดร. สมพรต สาระโกเศศ เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทดังกล่าว
อนึ่ง นายธนานันท์ ทำธุรกิจเป็นบริษัทรับขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ และติดตั้งแทงค์ตามมาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อว่า บริษัท กิตติ แสงชัยบริการ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจมานานกว่า 19 ปี และมีกำไรจากการดำเนินงานใน 3 ปีล่าสุด โดยปัจจุบันมีรถขนส่งเคมีภัณฑ์จำนวน 24 คัน ซึ่งได้แก่รถบรรทุกสิบล้อ 15 คัน และรถพ่วงขนส่ง (เทรลเลอร์) 9 คัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อธุรกิจดังกล่าวเข้ามาเพื่อให้บริษัทมีธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับดร.สมพรต เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินการลงทุนและการบริหาร และมีช่องทางในการดำเนินธุรกิจอย่างกว้างขวาง ซึ่งถือเป็นประโยชน์แก่บริษัทในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
แต่เนื่องจากในขณะนี้บริษัทมีปัญหาสภาพคล่องเนื่องจากมีเงินสดคงเหลือในบริษัทเพียง 1,748,142.27 บาท ณ วันที่ 2 มีนาคม 2554 ไม่เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่ายประจำของบริษัท จากการประมาณการค่าใช้จ่ายสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เงินสดของบริษัทจะติดลบอยู่จำนวน 3,232,170.89 บาท รวมถึงความไม่ชัดเจนถึงกำหนดการรับคืนของเงิน ค้ำประกันงานเขื่อนฯ ที่บริษัทฯ ได้ค้ำประกันไว้กับธนาคารทหารไทย และยังไม่สามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ PP ได้
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2554 จึงได้มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.65 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นายธนานันท์ 100,000,000 หุ้น และ ดร. สมพรต 100,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ทั้งสิ้น 20 ล้านบาท
ภายหลังการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว นายธนานันท์ อาจจะเข้ามาเป็นกรรมการของบริษัท รวมถึงอาจมีการแต่งตั้งดร.สมพรต เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงิน หรือกรรมการในอนาคต แต่ทั้ง 2 ท่านจะไม่เข้ามาเป็นผู้บริหารของบริษัท ดังนั้นปัจจุบันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงาน และการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกับ นายธนานันท์ เพื่อซื้อธุรกิจของนายธนานันท์ดังกล่าวเข้ามา เพื่อให้บริษัทมีธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอต่อไป
หลังจากการจัดสรรหุ้น PP ในครั้งนี้ บริษัทจะมีหุ้นเพิ่มทุนเหลืออยู่ที่จะสามารถจัดสรรและเสนอขายให้แก่ PP ไอีกจำนวน 2,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.65 บาท ในราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 0.10 บาท ซึ่งบริษัทจะรีบดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือดังกล่าวโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริษัทสามารถนำไปใช้ในการซื้อธุรกิจ และมีธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอในอนาคต
ทั้งนี้ ในกรณีที่ภายหลังจากบริษัทมีธุรกิจหลักแล้ว และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวนไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท ประกอบกับการมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทใน 1 ปี บริษัทจะยื่นคำขอเพื่อกลับมาซื้อขายหุ้น (Resume Trade) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง แต่ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถมีส่วนของผู้ถือหุ้น และมีกำไรสุทธิได้ตามเป้าหมายดังกล่าว บริษัทจะยื่นคำขอเพื่อกลับมาซื้อขายหุ้น (Resume Trade) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอแทน