นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะปรับลดสัดส่วนโครงการประเภทคอนโดมิเนียมจาก 66% เหลือ 50% เนื่องจากสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการ LTV ซึ่งมีผลทางจิตวิทยาต่อ Future Product ประกอบกับ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น
"แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังเชื่อว่าคอนโดยังเป็นสินค้าจำเป็นของคนกรุงเทพ เพราะราคาที่ดินที่สูงขึ้นจนสร้างเมืองไม่ได้ ขณะที่พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนแปลง มีครอบครัวเล็กขึ้น ต้องการความปลอดภัยและความสะดวกในการเทินทาง มีอัตราการเปลี่ยนมือเร็วกว่าบ้านเดี่ยว ซึ่งคอนโดมีอัตราการซื้อเพื่อให้เช่าสูง ให้ผลตอบแทนถึง 6% ถือว่าน่าพอใจ"นายอธิป กล่าว
ในปี 54 บริษัทยังคงเป้าหมายมียอดขายที่ 17,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 14% และเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และตั้งเป้ารับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมี backlog จำนวน 19,064 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 8,000 ล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้ในปี 55 จำนวน 4,756 ล้านบาท ปี 56 จำนวน 4,184 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบจัดซื้อที่ดินในปีนี้ไว้จำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีที่ดินเปล่ารอการพัฒนารวม 13 แปลงมูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท
นายอธิป กล่าวอีกว่า ในปี 54 มีโอกาสที่ราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับขึ้นไปถึง 10% หากรัฐบาลไม่สามารถควบคมุแนวโน้มการขึ้นราคาสินค้า และมีการหาเสียงด้วยการประกาศว่าจะมีการรปรับขึ้นค่าแรงงานขึ้นต่ำ ขณะที่บริษัทมีการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ในระดับหนึ่งตั้งแต่การจัดซื้อที่ดิน ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นไปแล้วประมาณ 5%
ดังนั้น ช่วงกลางปีบริษัทจะมีการทบทวนแผนธุรกิจอีกครั้ง เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มองว่ามีแนวโน้มที่อาจปรับขึ้นมากกว่า 1% อัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น หากอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ยังทำให้การดำเนินธุรกิจยังรับความเสี่ยงได้ แต่หากเงินเฟ้อเกิน 5% จะกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานและการก่อสร้าง และปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคการก่อสร้าง ซึ่งพบว่าในหลายพื้นที่มีข้อจำกัดในการจัดหาแรงงาน ผู้รับเหมา นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีผลทางบวกทางเศรษฐกิจหรือไม่ หรืออาจมีความวุ่นวายทางการเมืองที่กระทบเศรษฐกิจ
ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร SPALI กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งในปีนี้จะมียอดโอนคอนโดมิเนียมค่อนข้างมาก ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าโครงการแนวราบ
นอกจากนี้ บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่โดยกระจายไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น โดยในปี 53 รายได้จากโครงการต่างจังหวัด มีสัดส่วน 10% ของรายได้รวม และตั้งเป้าใน 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการต่างจังหวัดเป็น 15%
อย่างไรก็ตาม นายไตรเตชะ กล่าวว่า จากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาขายบ้านในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า โดยจะเป็นการทยอยปรับขึ้นเฉลี่ย 2-3% แม้ปัจจุบันราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับขึ้นไปแล้วถึง 5%