นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 2 เสนอขายระหว่างวันที่ 12-21 เมษายน 2554 อายุโครงการ 6 เดือน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี
กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในเงินฝากสถาบันการเงินในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สกุลเงิน AED และสถาบันการเงินในฮ่องกง รวมกันไม่เกินร้อยละ 45 และลงทุนในตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินหรือกิจการเอกชนในประเทศประมาณร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ทั้งนี้ มองว่าตลาดตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศระยะสั้นยังได้รับอิทธิพลจากสภาพคล่องของระบบการเงินที่มีอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะมีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย และธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องเพื่อสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและป้องกันปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ผลดังกล่าวจึงทำให้อัตราผลตอบแทนในตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศพบว่าในปัจจุบันสถาบันการเงินชั้นนำในบางประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือฮ่องกง เสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน โดยมีสาเหตุสำคัญเกิดจากดอลลาร์พรีเมี่ยม เมื่อมีการทำสวอปอัตราแลกเปลี่ยนข้ามสกุลระหว่างสกุลบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเมื่อแปลงกลับเป็นบาทเพิ่มขึ้นอีก 2.20-2.30% ต่อปี แนวโน้มดังกล่าวจึงทำให้การลงทุนในต่างประเทศยังอยู่ในระดับที่น่าลงทุนเมื่อเทียบกับการลงทุนในประเทศที่มีอันดับเครดิตเท่ากันหรือต่ำกว่า
นายสมชัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 เสนอขายถึงวันที่ 12 เมษายน 2554 อายุโครงการ 3 เดือน โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 23% เงินฝาก 44% และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิต BBB+ ขึ้นไป 33% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.45% ต่อปี