นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ(EARTH)เปิดเผยว่า ในปี 54 มั่นใจว่า ผลประกอบการของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมาก โดยได้วางเป้าหมายปริมาณจำหน่ายถ่านหินไว้ที่ระดับ 1.2 ล้านตัน คิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 40% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 53 ที่มียอดจำหน่ายถ่านหินประมาณ 8 แสนตัน
นอกจากนี้ บริษัทได้รุกขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยบุกไปในโซนภาคกลาง และภาคตะวันตก ซึ่งขณะนี้ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วและจะเริ่มจัดส่งถ่านหินให้กับลูกค้าได้ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน มีแผนที่จะเปิดตลาดโดยตรงเนื่องจากในปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดที่สำคัญและมีกำลังซื้อมหาศาล
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มของธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินในปี 54 ยังคงสดใสโดยราคาถ่านหินในช่วงที่ผ่านมาได้ไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 86 เหรียญต่อตัน จากต้นปีอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญต่อตันโดยค่าเฉลี่ยถ่านหินในไตรมาส 1/54 อยู่ที่ระดับ 85 เหรียญต่อตัน
สาเหตุที่ทำให้ราคาถ่านหินขยับตัวในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะปริมาณความต้องการในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ น้ำท่วมที่ออสเตรเลียซึ่งถือเป็นแหล่งถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำให้ไม่สามารถที่จะขุดถ่านหินเพื่อนำออกมาจำหน่ายได้ การเกิดกฤตการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถเดินเครื่องได้ แต่โรงไฟฟ้าถ่านหินยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติซึ่งคาดการณ์ว่าอาจต้องทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าทดแทนกำลังการผลิตที่หายไป และประเทศจีนจากเดิมที่เป็นผู้ส่งออกถ่านหินขณะนี้เปลี่ยนมาเป็นผู้นำเข้าเป็นอันดับ 2 ของโลกจึงทำให้ดีมานด์ถ่านหินในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นขณะที่ซัพพลายค่อนข้างจำกัด
"ความต้องการใช้ถ่านหินว่าหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจถ่านหิน คือการมีซัพพลายที่แน่นอน และต่อเนื่องนั่นหมายถึงการมีเหมืองเป็นของตนเอง ซึ่งจะทำให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงกว่าผู้ประกอบการที่ไม่มี เหมืองเป็นของตนเองเพราะจะได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการมีเหมืองถ่านหินเป็นของตนเองนั่นเป็นเป้าหมายในอนาคตของ EARTH เพระความต้องการใช้ถ่านหินยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ระเบิดที่ญี่ปุ่นจะเป็นการส่งสัญญาณว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คงเกิดขึ้นได้ยากต่อไปในอนาคตนั่นหมายถึงสิ่งที่ทดแทน ได้ดีที่สุดก็คือถ่านหินจึงเป็นโอกาสและความโชคดีของ EARTH ที่ได้อยู่ในธุรกิจถ่านหิน" นายขจรพงศ์ กล่าว