SCC เข้าซื้อกิจการธุรกิจเซรามิก-ธุรกิจจัดจำหน่ายในอินโดนีเซีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 29, 2011 09:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การเงินและการลงทุน บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่าบริษัทเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (รวมเรียกว่า SCG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นร้อยละ 100 ได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข (Conditional Shares Purchase Agreement หรือ CSPA) กับผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมบริษัทในประเทศอินโดนีเซีย เข้าลงทุนในธุรกิจเซารามิก

ทั้งนี้ บริษัทเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ตกลงเข้าซื้อหุ้นในบริษัท PT Keramika Indonesia Asosiasi Tbk (หรือ KIA) จำนวน 7,875,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 93.47% เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 ซึ่ง KIA เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอินโดนีเซีย (IDX) ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ KIAS

บริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 5 อันดับแรกในตลาดเซรามิกของประเทศอินโดนีเซีย มีส่วนแบ่งการตลาด 10% และมีโรงงานทั้งสิ้น 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่เกาะชวาตะวันตกใกล้กับจาการ์ตา และเกาะชวาตะวันออกใกล้กับสุราบายา มีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิก (สำหรับบุผนังและปูพื้น)รวมทั้งสิ้น 27 ล้านตารางเมตร และมีกำลังการผลิตกระเบื้องหลังคาเซรามิกและอุปกรณ์ รวมทั้งสิ้น 23 ล้านชิ้น

การเข้าลงทุนใน KIA นี้จะทำให้ SCG มีกำลังการผลิตเซรามิกรวมทั้งสิ้น 149 ล้านตารางเมตร ซึ่งทำให้ SCG คงความเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้านกำลังการผลิตระดับโลก นอกจากนั้นยังทำให้กำลังการผลิตเซรามิกของ SCG ในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็น 31 ล้านตารางเมตรจากกำลังการผลิต 4 ล้านตารางเมตรในปัจจุบัน

นอกจากนี้ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด บรรลุข้อตกลงการซื้อหุ้นในบริษัท PT Kokoh Inti Arebama Tbk (หรือ KOKOH) จำนวน 690,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 70.35% เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554

KOKOH เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินโดนีเซีย (IDX) ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ KOIN โดยดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายที่มีเครือข่ายร้านค้าอยู่ทั่วประเทศโดยเน้นจัดดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ กระเบื้องบุผนังและปูพื้นเซรามิก กระเบื้องหลังคาเซรามิก สินค้าสุขภัณฑ์ สีทาผนัง และยิปซั่มบอร์ด โดยมีสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับระบบโลจิสติกส์ ประกอบกับมีพนักงานที่มีความรู้ด้านการตลาด ลูกค้า และการดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นเป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ในอนาคต SCG คาดว่าจะมีโอกาสใช้ความได้เปรียบเหล่านี้สำหรับการ ขยายช่องทางการขายสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ SCG ในประเทศอินโดนีเซียได้

การลงทุนดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์หลักของ SCG ที่มุ่งมั่นจะเติบโตและยกระดับความสามารถและศักยภาพในการขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคอาเซียนรวมถึงในประเทศอินโดนีเซีย โดยยังคงมุ่งเน้นการลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่มีศักยภาพในการส่งเสริมธุรกิจในปัจจุบันของ SCG ก

รเปิดเผยโครงการลงทุนดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นไปตามกฎระเบียบของ Capital Market and Financial Institutions Supervisory Agency of Indonesia (BAPEPAM-LK) และเป็นไปตามเงื่อนไขของ CSPA โดยการโอนหุ้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่เงื่อนไขต่างๆ ใน CSPA ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว และราคาหุ้นที่จะซื้อขายจะถูกกำหนด ณ วันโอนหุ้น คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ