นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.)ธนาคารอนุมัติสินเชื่อเอสเอ็มอีแล้วประมาณ 60,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการทยอยเบิกใช้ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. และในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะทำให้สินเชื่อเติบโต 6% กว่าเป้าหมายครึ่งปีที่ตั้งไว้ 4.5% และทั้งปีสินเชื่อเอสเอ็มอีน่าจะเติบโต 12% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8-10%
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 140,000 ล้านบาทก่อนการยุบสภา มองว่าจะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับประโยชน์จากงบประมาณราว 37,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในกลุ่มเกษตร ขนส่ง รถไฟฟ้า กลุ่มก่อสร้างและค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งธนาคารมีฐานลูกค้าธุรกิจดังกล่าวประมาณ 36% จากพอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีทั้งหมด 400,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการบริโภคที่เร่งตัวขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงเลือกตั้งจะทำให้ธุรกิจโฆษณาและป้ายขยายตัวดีด้วย โดยธนาคารมีสัดส่วนในธุรกิจนี้ประมาณ1.4% หรือมูลค่า 5,600 ล้านบาท
และล่าสุด ธนาคารร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์พัฒนาความร่วมมือในการสนับสนับสนุนแฟรนไชส์แบบครบวงจร ผ่านบริการ K-SME Franchise Credit โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งแบบที่ไม่มีหลักประกันและแบบลดหย่อนการผ่อนชำระ และสนับสนุนเงินทุนสำหรับแฟรนไชส์อื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์สามารถพัฒนาจนเข้าร่วมโครงการในปี 55 เพิ่มเป็น 60 ธุรกิจ และเป็น 83 ธุรกิจในปี 56
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแฟรนไชส์ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตถึง 19% โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 161,000 ล้านบาท จากจำนวน 570 ธุรกิจ มีสาขารวมกันเกือบ 27,000 สาขา มีมูลค่าการลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีความต้องการเงินลงทุนเพื่อเปิดธุรกิจดังกล่าวใหม่กว่า 7,500 ล้านบาท
อนึ่ง เมื่อปี 53 ธนาคารมีบริษัทผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ เข้าร่วมโครงการจำนวน 43 แฟรนไชส์ และให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อดำเนินธุรกิจไปแล้วกว่า 160 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร และธุรกิจเบเกอรี่และเครื่องดื่ม