บมจ.ไทยออยล์ (TOP)เปิดเผยว่า ผลประกอบการบริษัทฯ และบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส 1/54 มีกำไรสุทธิ 7,228 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 3.54 บาทต่อหุ้น เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.97 บาท
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับมีปัจจัยต่างๆ ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้แก่ สภาวะอากาศที่หนาวจัดในช่วงปลายปี 2553 ต่อเนื่องมายังต้นปี 2554 เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันซึ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่าอุปทานจะหดตัว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2554 บริษัทฯ สามารถใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ถึง 106% เพื่อตอบสนองการฟื้นตัวของธุรกิจการกลั่น ประกอบกับราคาของผลิตภัณฑ์อะโรมาติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและอุปทานที่ตึงตัวล้วนผลักดันให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ระดับ15.61 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 5.87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
เครือไทยออยล์มีรายได้จากการขายและ EBITDA จำนวน 111,842 ล้านบาท และ 12,079 ล้านบาทตามลำดับ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน และภาระภาษีเงินได้
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 169,779 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 22,631 ล้านบาท จากสินทรัพย์หมุนเวียนที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการเพิ่มการใช้กำลังการผลิต
นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้ระยะยาว 47,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 4,343 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทฯ ได้กู้เงินจำนวน จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้ชำระคืนเงินกู้ยืมตามกำหนด โดยเป็นสกุลเงินบาทประมาณ 1,913 ล้านบาท และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ