นายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผุ้จัดการ บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำไตรมาส 1/54 สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2554 มีผลกำไรสุทธิ 340.04 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 1,788.13 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญมาจาก รายได้จากการรับจ้างผลิต, การขายและบริการ เท่ากับ 123.23 ล้านบาท ลดลง 97.01% เมื่อเทียบกับ 4,129.44 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2553 เนื่องจากงานโครงการใหญ่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมทั้งส่งมอบงานเกือบทั้งหมดไปแล้วในปี 2553 ทำให้มีการรับรู้รายได้ในระหว่างไตรมาสที่ 1 ปี 2554 ลดลง
บริษัทฯมีผลขาดทุนขั้นต้นจากการรับจ้างผลิต, การขายและบริการ เท่ากับ 42.21 ล้านบาท ลดลง 102.35% เมื่อเทียบกับ 1,797.78 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2553 เนื่องจากบริษัทยังมีต้นทุนคงที่บางส่วนซึ่งมิได้ลดลงตามปริมาณงาน ในขณะที่บริษัทมีรายได้ลดลงดังที่กล่าวข้างต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯมีการโอนกลับต้นทุนที่ยังไม่เรียกขำระเท่ากับ 386.15 ล้านบาท อันเนื่องมาจากในระหว่างปี 2553 บริษัทฯได้ ตั้งสำรองต้นทุนงานที่อาจจะเกิดขึ้นจากการค้ำประกันผลงานตามสัญญาโครงการหนึ่ง รายการดังกล่าวได้รวมอยู่ใน “ต้นทุนงานที่ยังไม่เรียกชำระ" ซึ่งในอดีตบริษัทฯยังไม่ได้รับคืนต้นฉบับหนังสือค้ำประกันผลงานที่ออกโดยธนาคาร เนื่องจากบริษัทฯอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเจรจาต่อรองสำหรับความรับผิดชอบต่องานที่มีการแก้ไขกับหน่วยงานของคู่สัญญาและมีความเสี่ยงที่คู่สัญญาจะเรียกร้องค่าแก้ไขงาน
ต่อมาในเดือนมีนาคม ปี2554 บริษัทฯสามารถเจรจาสรุปปิดสัญญาโครงการกับคู่สัญญาได้ และคู่สัญญายินยอมคืนต้นฉบับหนังสือค้ำประกันดังกล่าวทั้งหมดแล้ว บริษัทฯจึงได้กลับรายการ และบันทึกรายการดังกล่าวเป็น “รายได้จากการโอนกลับต้นทุนงานที่ยังไม่เรียกชำระ" ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จสำหรับไตรมาสปัจจุบัน
รวมทั้ง บริษัทฯมีลูกหนี้บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งค้างชำระเกิน 1 ปี และได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกันนี้แล้ว แต่บริษัทดังกล่าวยังไม่สามารถชำระหนี้คงค้างให้ได้เนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับลูกหนี้รายใหญ่