นางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.อิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW)เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/54 จะสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากรับรู้กำไรพิเศษ 665 ล้านบาท จากการขายอาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนเม.ย.54 และยังมีกำไรจากการขายอาคารพาณิชย์ที่จังหวัดภูเก็ตอีกประมาณ 18 ล้านบาท
ส่วนรายได้คาดว่าจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย. 53 ซี่งทำให้โรงแรมในเครือของบริษัท ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมคอร์ทยาร์ด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุมต้องหยุดให้บริการไปหลายวัน โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมในไตรมาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 825 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 406 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 1,100 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสแรกของปีเป็นช่วง high season
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ทางการเมืองในปีนี้ที่ยังเป็นปกติ จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการเข้าพักสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาส 2/54 จะเพิ่มเป็น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 40% โดยช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.54 อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 67-68% และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะสูงขึ้นเกือบ 20% จาก 1,991 บาท/คืน เป็น 2,373 บาท/คืน รวมทั้งยังมีจำนวนห้องพักเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นด้วย
“ธุรกิจโรงแรมไตรมาส 2 ถือเป็น low season จะขาดทุน แต่ปีนี้คงเป็น low season แบบปกติ ไม่เหมือนปีที่แล้วที่ไม่ปกติ แต่ปีนี้ก็มีกำไรพิเศษเข้ามา ซึ่งถือว่าสูงกว่าทุกไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และน่าจะสูงกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมาด้วย น่าจะเป็นกำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งถ้าช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ไม่มีสถานการณ์รุนแรง ก็หวังว่าปีนี้จะกลับมาเป็นกำไร ซึ่งถ้ามีกำไรก็คงกลับมาจ่ายปันผลได้ ตามนโยบาย 35% ของกำไรสุทธิ" นางกมลวรรณ กล่าว
สำหรับแผนลงทุน 5 ปี (ปี54-58) บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 7,000-10,000 ล้านบาทใช้ในการพัฒนาโรงแรมใหม่เป็นหลัก โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะมีโรงแรมภายใต้การบริหารงานเพิ่มเป็น 20 แห่ง จากปัจจุบันที่ 13 แห่ง โดยปีนี้คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 600 กว่าล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรมแรมและสร้างโรงแรมใหม่ได้แก่ Ibis หัวหิน 200 ห้อง มูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/55 และโรงแรม Mercure ibis สยาม จำนวน 380 ห้อง มูลค่า 800 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/55
“แผน 5 ปี เราแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สร้างการเติบโตของโรงแรม ทั้งในส่วนของจำนวนโรงแรมและรายได้จากธุรกิจโรงแรม ซึ่งสิ้นปี 55 จะเพิ่มเป็น 16 โรงแรม จากปัจจุบัน 13 โรงแรม มี Ibis หัวหิน และ Mercure ibis สยาม ที่เป็น 2 โรงแรมติดกัน และอีกส่วนก็เป็นกลยุทธ์สร้างผลตอบแทนโดยการขายสินทรัพย์ต่างๆ"นางกมลวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่าที่พัทยาอีก 7 ไร่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นโครงการใหม่ อาจจะเป็นโรมแรมหรือคอนโดมิเนียม คาดได้ข้อสรุปในปีนี้
สำหรับแผนการออกหุ้นกู้ ปัจจุบันบริษัทขอรอดูจังหวะที่เหมาะสมก่อน เนื่องจากมองว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยยอมรับในงบดุลของบริษัท ซึ่งในอนาคตถ้างบดุลของบริษัทดีขึ้นและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลง บริษัทก็คงจะมีการออกหุ้นกู้ แต่ยังไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มทุน